นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ระบุว่ามีความเสี่ยงจริง ที่ฝีดาษลิงจะปักหลักแพร่ระบาดในประเทศที่ไม่เคยมีโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่น โดยมีผู้ป่วยยืนยันรวมกว่า 1,000 คน ใน 29 ประเทศนอกทวีปแอฟริกา ที่เป็นถิ่นระบาดของโรคนับตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมา ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน แต่เริ่มมีรายงานการแพร่เชื้อในระดับชุมชน และพบผู้ป่วยผู้หญิงบ้างแล้ว
เขาบอกด้วยว่าการมีรายงานโรคฝีดาษลิงอย่างกะทันหันและไม่คาคคิดในประเทศเหล่านั้น บ่งชี้ว่าอาจมีการระบาดมาระยะหนึ่งแล้วโดยตรวจไม่พบ แต่ยังอาจป้องกันไม่ให้โรคนี้ปักหลักระบาดในประเทศที่ไม่เคยพบโรคนี้มาก่อนได้ หากผู้ติดเชื้อกักตัวเองที่บ้าน และหลีกเลี่ยงสัมผัสผู้อื่น
เขาเตือนให้ตระหนักด้วยว่าไวรัสโรคฝีดาษลิงระบาด และคร่าชีวิตในทวีปแอฟริกามานานหลายสิบปีแล้ว แต่ประชาคมโลกเพิ่งให้ความสนใจเมื่อมีการระบาดในประเทศที่มีรายได้สูง พร้อมทั้งระบุว่าปีนี้มีผู้เข้าข่ายติดเชื้อกว่า 1,400 คน และผู้เสียชีวิต 66 รายแล้ว ในแอฟริกา
ขณะเดียวกันโรซามุนด์ ลิวอิส ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงของ WHO ระบุว่าฝีดาษลิงแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างบุคคล แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดเรื่องความเสี่ยงของการแพร่ผ่านละอองลอยในอากาศ จึงแนะนำให้บุคลากรการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยฝีดาษลิงสวมหน้ากากอนามัยด้วย
นอกจากนี้ WHO ระบุว่า ในบางประเทศอาจมีการพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ หรือฝีดาษในคนให้กับบุคลากรการแพทย์หรือผู้สัมผัสเสี่ยง ซึ่งรวมถึงผู้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยยืนยันภายใน 4 วันหลังการสัมผัส
และ WHO กำลังประเมินแนวโน้มความจำเป็นในการสำรองวัคซีนไข้ทรพิษ และติดต่อผู้ผลิตและประเทศที่เคยให้สัญญาเรื่องการผลิตวัคซีน แต่ยังย้ำว่าไม่จำเป็นต้องมีการระดมฉีดวัคซีนป้องกันแก่ประชาชนครั้งใหญ่