svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

หมอพรทิพย์ เปิดใจผ่าน รายการคุยแซ่บโชว์ ที่ออกอากาศทางช่องวัน 31 ถึง คดีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม ภัทรธิดา(นิดา) พัชรวีระพงษ์” พร้อมยืนยันจุดตกเรือ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่รู้แนวโน้มคดี ที่สำคัญไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ตั้งใจจะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2565 แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือ "หมอพรทิพย์" หนึ่งในผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรศพ "แตงโม" ครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา และไม่เชื่อว่า "แตงโม" จะตกจากท้ายเรือ จนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิต ได้เคลื่อนไหวล่าสุด ประเด็น "แผลก้างปลา" จะนำไปสู่คำอธิบาย "จุดตกเรือ" ในคดี "แตงโม นิดา" เคยให้ข้อมูลระบุว่า...

ช่วงนี้ไปที่ไหน ก็จะได้รับกำลังใจในการทำงานจากทุกผู้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ อย่างแรกต้องขอบคุณกำลังใจจากทุกคน อย่างที่สองอยากอธิบายว่าไม่ได้เครียด ไม่ได้ท้อ ไม่ได้กลัว ไม่ได้หยุดทวงความเป็นธรรม หมอไม่อาจอธิบายได้มากในช่วงที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน

แต่ก็หาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ตลอดเวลา เพราะถือได้ว่าธรรมะ ได้จัดสรรให้ได้เห็น "แผลก้างปลา" ที่นำไปสู่คำอธิบายจุดตกเรือที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด พร้อมยืนยันว่า "แตงโม" ไม่ได้ตกจากท้ายเรืออย่างแน่นอน

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

ล่าสุด..ทางแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือ "หมอพรทิพย์" ได้กล่าวถึงประเด็นนี้อีกครั้ง ทีมข่าวจึงใคร่ขออนุญาตทางรายการ คุยแซ่บ SHOW นำมาเผยแพร่ในส่วนที่สังคมยังคงคาใจ มาเผยแพร่อีกครั้ง!!

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

Q :ในกรณีเรื่องของ “บาดแผลก้างปลา”  คุณหญิงหมอเคยบอกว่า แผลก้างปลานำพาไปจุดเกิดเหตุ เพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์?

A: “ในคดีมันมีหลายประเด็นแต่ตัวเองได้เข้าไปเห็นในการผ่าครั้งที่ 2 กับบาดแผลที่มันไม่ถูกเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนั้นที่เห็นคิดว่ามันเป็นก้างปลาด้านหลัง แผลถลอกตื้นเป็นริ้ว ตอนนั้นนึกยังไม่ออกไม่ใบพัดก็ท้องเรือประมาณนั้น ในระหว่างนั้นพูดไม่ได้ บอกได้แค่ว่ามีการจำลองหรือยังด้วยบทบาท ในระหว่างนั้นเลยไปคุยกับวิศวะมั่ง นั่งเรือมั่ง แล้วก็เห็นคลื่นน้ำท้ายเรือ บวกกับเราไม่เชื่อว่าคือการไปนั่งฉี่ท้ายเรือ เราเอาตรงนี้มาประกอบกัน แล้วทำให้เราเข้าใจได้ว่าจุดตกน่าจะเป็นหัวเรือ แต่ก็ยังไม่พูดจนกระทั่งได้เจอกับวิศวกรมั่ง คนที่ขับเรือมั่ง คนที่เชี่ยวชาญเรือมั่ง คือนอกรอบเนี่ยยืนยันทุกคนว่าตกหัวเรือ จนกระทั่งมีรายการนึงที่เชิญเราไม่บอกว่าเราคิดถึงไหน เขาบอกเขาเล่นเรือเยอะ เขาบอกเลยค่ะว่า 12 นาฬิกา และไม่ใช่ 1 และไม่ใช่ 11 เนี่ยทำให้เราได้ยินข้อมูลทางวิชาการ”

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย Q:ทำไมแผลก้างปลาถึงเป็นการบ่งบอกว่าตกจุดไหนของเรือ?
A:“แผลก้างปลาเมื่อมันสม่ำเสมอ และเราตั้งสมมติฐานโดนใบพัด คือร่างต้องผ่านตรงๆ กระแสน้ำต้องพาตรงๆ ถ้าโดนใบพัดบริเวณอื่นคลื่นมันจะไปมาๆ โอกาสที่จะนิ่งเลยยาก เราเลยตั้งสมมติฐานว่าเป็นกระแสน้ำตรง ตรงไหนบ้างล่ะที่จะตรง พอเขาบอกว่าจุดหัวเรือเนี่ยคำอธิบายมันตามมาเลยว่าทำไมแผลมันจึงตื้น เพราะด้านหน้าใบพัดฟิน พอร่างไปมันจะกดร่างไว้ใบพัดก็จะเฉี่ยวเฉยๆ มันก็เป็นวิทยาศาสตร์ ในอันที่ 2 ที่สนับสนุนจุดตกเรือ จุดตกเรือเป็นวิทยาศาสตร์ที่น่าฟังมากกว่าพยานบุคคล”

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย


Q:ทางเจ้าหน้าที่ยังคงยืนยันจุดตกเรือจากพยานบุคคล?
A:“ถ้าจากวิทยาศาสตร์คงได้แค่อันเดียวก็คือภาพวงจรปิด”

Q:วิทยาศาสตร์ยืนยันการตกที่หัวเรือ?
A:“หนึ่งคือบาดแผล สองมีคนที่รู้เรื่องคลื่นหรือกระแสน้ำยืนยัน ประมาณนั้นค่ะ”

Q:การตกหัวเรือกับท้ายเรือส่งผลในคดียังไงบ้าง?
A:“ในคดีมันยังมีคำถามมากมาย เช่น เขาไปฉี่ท้ายเรือจริงเหรอ ตกท้ายเรือจริงเหรอ บาดแผลใหญ่เกิดจากใบพัดเรือหรือเกิดจากอาวุธมีด ทั้งหมดนี่ตอบยากมาก เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่คนแรกจะต้องเป็นคนตอบ แต่แผลก้างปลาช่วยในเรื่องการบอกจุดตกเรือ พอบอกจุดตกเรือในเรือลำเล็กๆที่หัวเรือ มีหรือที่เหลือจะไม่เห็น มันน่าจะเป็นจุดที่เอาไปไขปริศนาเพื่อตรวจสอบคำให้การณ์ เป็นปกติที่ตำรวจต้องฟังเพื่อที่จะไปดูว่าคำให้การณ์ใครเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง”

Q:มีวงในว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ฟังไหมว่ามีบุคคลที่เชื่อถือได้และวิทยาศาสตร์รองรับ?
A:“บอกเลยว่าคงไม่ฟัง เพราะว่าเราพยายามประสานเชิญไปพูดคุย แต่เราก็ต้องระวังเพราะในบทบาทเราเข้าแทรกไม่ได้ ในการพูดคุยเราพูดคุยในจุดตกเรืออะไรหลายอย่าง สิ่งที่เห็นคือวันรุ่งขึ้นก็มีทนายลุกขึ้นมาด่า ด่าเป็นชุดเลย เราก็เริ่มรู้ทนายไม่ได้พูดเอง เพราะเราไม่เจอทนาย ทนายไม่ได้เห็นเอง”

Q:ใช่ทนายคุณแม่ไหม?
A:“ใช่ค่ะ โผล่มาแล้วก็ด่าเรา เราก็แบบแสดงว่าตำรวจคงไม่พอใจ พอตามมาอีกทีคือทั้งคู่ไปยื่นเรื่องที่กรรมาธิการเพื่อจะถอด เราก็ขำ ทั้งคู่เนี่ยเป็นคนที่ต้องอยู่ข้างน้องแตงโม ยังไม่เคยจะมาดูเลยว่าเราเห็นอะไรทำไมเอาแต่ด่า ก็เลยรู้เลยว่าตำรวจน่าจะไม่พอใจ”

Q:บางกระแสบอกว่า พอคุณหญิงหมอเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้คดีนี้จบยาก?
A:“จะว่าอะไรก็ช่าง แต่ถ้าความยากนั้นพาไปสู่ความจริงหรือความยุติธรรมก็ต้องทำค่ะ ไม่ต้องไปกลัวมัน เราไม่ใช่เข้าไปเพราะเราอยากดัง ไม่ใช่หน้าที่ อันนี้มันใช่หน้าที่ เพราะตามในเชิงระบบตั้งแต่ต้น”

Q:มีคนเมาท์ ว่าคนเกาะคดีนี้ หาว่าหิวแสง?
A:“อย่างแรกเขาคงจะถอดมาจากความคิดเขาว่าตัวพวกเขาก็หิวแสง เลยบอกว่าคนที่เข้ามาแบบนี้จะหิวแสง แต่ถ้าอธิบายจริงๆ เป็นคนที่แต่งตัวอย่างนี้ไม่ชอบให้ใครมามอง เป็นมาตั้งแต่สาวๆ ทำงานอย่างนี้ก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมามอง แสงมันเข้าตั้งแต่คดี เจนจิรา แสงเข้ามาชนิดที่ขยับตัวยากมากเลย ถามว่าเราหิวแสงมั้ยไม่เลย แต่ว่าเราพยายามจะใช้ความสว่างที่มาที่ตัวส่งไปให้เห็นปัญหา”

Q:มีหลายกระแสต่อว่า รู้สึกยังไงบ้าง?
A:“เราเหมือนถูกฉีดวัคซีนให้มีภูมิกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ต้น พอเขาด่าเราไม่โกรธ เราก็จะดูว่าที่เขาด่าเป็นจริงไหม อย่างว่าแต่งตัวบ้า ฉันไม่ได้แต่งตัวให้เธอดูฉันมีความสุขของฉัน พอเราดูว่าเราไม่ได้ผิดมันก็ฝึกว่าช่างหัวมัน พอมาถึงรอบนี้ก็ขอบคุณที่เขาด่า มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะไปยุ่งด้วย เพราะมันเป็นคำที่ต่ำเกินไปจะต่อสู้เลยเฉยๆ”

Q:อะไรที่ทำให้ยังคงเดินหน้าต่อกับคดีแตงโม?
A:“เป็นคนเชื่อเรื่องธรรมะจัดสรร ธรรมะคุ้มครอง วันนึงเห็นคดีน้องแตงโม เราเห็นความผิดปกติ 2 อย่างในทันที คือ ทำไมเพื่อนๆไม่เสียใจทำไมกลับบ้านได้ เราเริ่มเอะใจ อันที่ 2 ที่เราเริ่มเห็นทำไมเขาปล่อย 5 คนกลับบ้านเอาเรือไปเก็บอู่ แล้วพอมาเจออันที่ 3 ทำไมไปสรุปว่าเขาฉี่ท้ายเรือแล้วเชื่อ ใน 3 อันเราจะตามเชิงระบบเพราะว่าระบบของการรวบรวมพยานหลักฐานของไทยเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว คือให้พนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจ ถ้าโครงบอกว่าอย่างนี้เขาก็จะเอาอย่างนี้ เราก็เลยเฝ้าตามไม่ได้คิดว่าจะมีส่วนเข้าไปนะ จู่ๆ คุณแม่ก็นึกถึงคุณมาแล้วโทรมาหา เราไม่อยากยุ่งกับคดี เข้าไปเห็นบาดแผลโดยหน้าที่สิ่งนี้เหมือนพยายามบอกอะไรเรา เลยใช้สมาธิอยู่กับแผลก้างปลานั่นแหละ”

มีข้อสงสัยว่าอาจจะถูกทำร้ายบนเรือ แต่จะมีสารตรวจเลือด ที่ตรวจแล้วเห็นเลือดตรงนั้นได้ และจะต้องตรวจในที่ที่มืดมากๆ แต่

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

Q:เห็นตอนที่ตรวจไปตรวจที่อู่จอดเรือซึ่งมีความสว่าง?
A:“ถ้าบอกว่าแผลเกิดขึ้นก่อนตายก็ต้องพิสูจน์ว่าก่อนตกน้ำหรืออยู่ในน้ำ สารตัวนี้เป็นสารเคมีที่จับกับเม็ดเลือดแดง ต่อให้ล้างตาเปล่ามองไม่เห็นคราบมันติดอยู่ เพียงแต่ว่าข้อจำกัดของมันคือต้องมืดสนิท การที่เราจะบอกว่าตรวจไม่เจอเนี่ยจะต้องมีวิธีทำให้คนเชื่อว่าคุณได้ทำเงื่อนไขสภาพแวดล้อมได้ถูกต้องแล้ว สว่างนิดเดียวคือมองไม่เห็นเลยค่ะ เท่าที่เห็นในสภาพต้องเอาเข้าที่จำกัด แต่เราก็จะเห็นว่าเรือไม่ได้ไปไหนจากบริเวณอู่”

Q:จุดนี้เป็นอีกจุดที่ไม่ชัดเจน ที่บอกว่าไม่เจอเลือด?
A:“ไม่ได้บอกว่าเขาทำไม่ชัดเจน แต่บอกว่าผู้ที่จะทำให้ชัดเจนได้คือท่านอัยการ ถ้ายังเป็นข้อสงสัยสามารถให้หน่วยงานอื่นตรวจ ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีนี้”

Q:เลือดยังอยู่ได้นานไหม?
A:“คราบเลือดที่จะทำให้ตรวจได้ถ้าอยู่ในสภาพแห้งยังไงก็ยังตรวจได้ แต่อย่างที่บอกเคยทักว่าฝนกระหน่ำ แล้วเรือมันจอดอย่างนั้น แล้วในระหว่างนั้นจะมีใครล้างเรือหรือเปล่าเราก็ไม่รู้”

Q:อะไรคืออุปสรรคของคดีนี้?
A:“อุปสรรคใหญ่สุดเลยคือเป็นคดีแรกที่ตัวแทนของคนตายไม่ได้อยากให้เราเข้าไปช่วยเต็มที่ คือทั้งแม่และทั้งทนายเราพยายามเรียกให้เขามาดูแผล เขาให้ตัวแทนมาก็ไปว่าตัวแทนอีก อุปสรรคที่สองคงจะเป็นพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนเป็นประจำอยู่แล้วถ้าเขาไม่เชื่อเขาก็ไม่เอา”

Q:แนวโน้มจุดจบคดีนี้?
A:“ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด ถ้าถามว่าทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนแรกก็มันพูดไม่ได้ เราเชื่อได้ว่าธรรมะจัดสรรธรรมะก็คุ้มครอง อย่าเพิ่งไปหมดใจว่าทำไรไม่ได้”

Q:เป็นคดีแรกในชีวิตที่ยาก?
A:“ไม่ใช่ค่ะ เป็นคดีแรกที่ญาติผู้ตายไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย”

Q:คาดการณ์แนวโน้มคดีจะจบยังไง?
A:“ไม่เคยคาดค่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติ มันจะจบยังไงก็ช่างแต่สักวันนึงมันก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลง เราทำให้ดีที่สุด”

Q:ย้อนกลับไปคดีดังที่คุณหญิงหมอปฏิเสธเงินล้าน?
A:“ตอนนั้นดังจากคดี เจนจิรา บุคลิกแปลกสื่ออยากจะสัมภาษณ์ พอสัมภาษณ์อยากจะให้ถ่ายโฆษณา มีครั้งนึงเชิญเราเล่นหนังมั่ง โฆษณามั่ง เราก็มานั่งคิดว่าคงไม่ได้ให้เรามาเพื่อค่าตอบแทนพวกนี้มั้ง เลยขออนุญาตเขาว่าขอไม่เอา”

Q:คุณหญิงหมอกับตำรวจเหมือนเส้นขนาน มีโอกาสมาเจอกันแล้วเดินไปด้วยกันได้ไหม?
A: “ย้ายมากรุงเทพฯ ก็ทำงานคู่กันมาตลอดเลยนะ ไม่มีวันที่จะทำให้เราเปลี่ยน มันต้องเป็นความจริงอย่างเดียว”

Q: เคยโดนข่มขู่บ้างไหม?
A: “บ่อยๆ มีเสียงเข้ามา แต่หลังๆ เราเชื่อว่าความเกลียดยิ่งกว่าการข่มขู่ ด่าแบบด่านอกรอบ ด่าในรอบ ด่าแบบตรงๆ เราก็ฝึกแล้วว่าไม่เอาใจไปรับก็ช่างหัวมัน เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ทำเพราะเกลียดเค้า เราทำแทนคนตาย ไม่ใช่แค่คดีแตงโม เสมอมาก็เป็นอย่างนั้น”

หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย

Q: ที่ผ่านมาเวลาโดนขู่ สามีและลูก ว่าอย่างไรบ้าง?
A: “ทั้งคู่ไม่แฮปปี้ มันเหมือนจู่ๆ แม่มาโดนด่า สามีเราตกลงกันก่อนแต่งงานแล้วว่าฉันเป็นอย่างนี้นะไม่เปลี่ยน ส่วนลูกก็ไม่ชอบ แต่พอที่จะเข้าใจ”

Q: ห่วงความปลอดภัยของตัวเองไหม?
A: “จะบอกว่าไม่ห่วงก็ไม่เชิง แต่ว่าเราจะระมัดระวังตัว เราไม่ได้มีอารมณ์อยากเข้าไปยุ่ง เมื่อมันมาในหน้าที่ก็ทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง”

Q: มีครั้งนึงเสียใจหนักมาก ถูกยื่นเรื่องฎีกา?
A: “ครั้งนั้นไม่ใช่คดี แต่เป็นการตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แล้วมีการไปดูงานที่ต่างประเทศ  งบประมาณมี 2 ส่วน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ธุรการอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เลยมีการเบิกผิด สำหรับคน 20 คน เราคงเป็นจุดที่มีผู้ไม่ชอบทำเรื่องร้องเรียน กระทรวงสอบ 3 หนแล้วมันไม่ผิด มันเป็นความบกพร่องเจ้าหน้าที่ เบิกผิดก็คืนไป แต่ว่าด้วยการเมืองตอนนั้น เขาเลยกระตุ้นให้คนนี้ไปถวายฎีกา สารพัดเรื่องเลย เลยทำให้แป้กไป 3 ปี ความรู้สึกของเราเนี่ยมันหยุดไปสักนิดนึงว่าเรารู้สึกเสียใจ กลัวในหลวงไม่รัก เราก็ถามตัวเองว่าจะเป็นยังไง ไม่รักก็ไม่รักก็ทำงานต่อก็เลยหาย ดร็อปตอนนั้นคงเป็นดร็อปครั้งใหญ่ เพราะเราไม่อยากให้ท่านฟังเรื่องผิดๆ ก็ช่างหัวมันสุดท้าย”

Q: เวลาเจออะไรหนักๆ จัดการยังไง?
A: “ใหม่ๆ ก็คุยแบบระบายทุกข์พบว่ามันไม่หมดมันก็กลับมาใหม่ ตอนหลังก็เลยเริ่มมาแกะ มันเกิดจากเขากับเรา เขาแก้ยาก เลยใช้วิธีแก้เรา ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเราจะฝึกช่างหัวมัน”

Q: ประชาชนรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีอยู่จริงในปัจจุบัน คุณหญิงมีจะผลักดันเรื่องนี้ยังไงบ้าง?
A:“ตั้งแต่ทำงานมาความยุติธรรมไม่ได้มีมาแบบอัตโนมัติ ถ้าพูดนี้ใครๆ ก็จะไม่ค่อยกล้าเข้ามาแก้ปัญหา เพราะว่ามาตรการ โดยตัวเองเราทำงานเรื่องนี้รู้สึกว่าสามารถสร้างความอิ่มใจโดยที่ไม่ต้องรอเงินในบันชีขึ้นคือเราผ่าศพแล้วหาความจริงได้ แต่พอหลังจากนั้นมันมีความเปลี่ยนแปลงเราก็เบนออกไปหาการตั้งสถาบันเพื่อจะทำให้สังคมดีขึ้น ไม่ไปคาดหวังเขาว่าเขาจะช่วยเรามั้ย แต่ถ้ามีโอกาสมาเมื่อไหร่เราจะเดินต่อทันที สิ่งที่อยากจะทำคือสอนให้ทนายหรือนักกฎหมาย มีความรู้นิติวิทยาศาสตร์เยอะๆ เพราะบางทีตำรวจไม่รู้เรื่อง ทนายไม่ต่อสู้ให้ มันยากมากเลยที่จะนำไปสู่ตอนท้ายที่มีความยุติธรรม”

Q: คดีน้องแตงโม คุณหมอจะมีโอกาสเข้าไปเป็นพยานในชั้นอัยการไหม?
A: “ไม่มี ถ้าไม่อยู่ในสำนวนพยานของตำรวจ ตราบใดที่ยังไม่จบอัยการยังสั่งได้ แต่ถ้าอัยการสั่งฟ้องแล้วก็จบ”

คงต้องรอให้เรื่องคดีนี้ คืบหน้าไปอีกขั้น รอวันที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย

ในขณะที่สังคมคาใจกับการแถลงข่าวและรายงานข่าวจากทางเจ้าหน้าที่แทบทุกครั้งที่มีการเผยความคืบหน้าของคดี

คดีแตงโม นิดา จะจบลงอย่างไร ???
.

ขอขอบคุณ รายการคุบแซ่บ Show / ช่อง ONE 31
หมอพรทิพย์เปิดใจ คดีแตงโม เป็นคดีแรก ที่ตัวแทนและญาติไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย