12 พฤษภาคม 2565 ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ได้พิจารณาบรรจุน้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรมเป็นรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร พ.ศ.2564 และได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564
สำหรับน้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม ที่ได้รับการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการส่งเสริมการใช้ยาจากสมุนไพรให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น จำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย
รายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ เป็นยาสำหรับใช้ในโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุข โดยมีสรรพคุณและข้อบ่งใช้ตามข้อกำหนดทางการแพทย์ โดยน้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรมทั้ง 3 รายการเป็นรูปแบบยาหยดใต้ลิ้น มีคุณสมบัติ ดังนี้
ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC สูง รักษาเสริมในการรักษาภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่มีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดในระดับปานกลางจนถึงรุนแรง
ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี CBD สูง ตามโครงการของกรมการแพทย์ และยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี CBD และTHC สัดส่วนเท่ากัน รักษาเสริมในผู้ป่วยมะเร็งระยะท้ายที่นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ปวดปานกลางถึงรุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรได้ในระบบบริการสุขภาพของรัฐ โดยรัฐเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านยา ปัจจุบันมีหน่วยบริการทางการแพทย์ที่ได้รับอนุญาตจ่ายกัญชาทางการแพทย์ที่เป็นโรงพยาบาลภาครัฐ จำนวน 893 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษา จึงควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและสั่งจ่ายยาซึ่งแพทย์เหล่านี้ได้ผ่านการอบรมการใช้กัญชามาอย่างถูกต้องและเลือกใช้ยาที่มีมาตรฐาน ปลอดภัยโดยเฉพาะยาที่ได้รับอนุญาตจาก อย.แล้ว และเป็นยาที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร
“ การบรรจุยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ป่วยและส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาที่มีความจำเป็นได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะยาที่มีราคาสูง และส่งเสริมให้ประชาชนได้หันมาใช้ยาที่ผลิตจากสมุนไพร ทดแทนการนำเข้ายาที่มีฤทธิ์ในการรักษาคล้ายกัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศลงได้ ” ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรม กล่าว