ผู้ว่าฯสุราษฎร์ฯ ลงพื้นที่ บ้านตะกุกเหนือ ช่วยน้ำท่วม พร้อมชดเชยบ้านพัง

9 พฤษภาคม 2565 กรมกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานข้อมูลคาดการณ์และแจ้งเตือนภัย ประจำวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 โดยระบุว่า

พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน/น้ำป่าไหลหลาก

ภาคกลาง

• ประจวบคีรีขันธ์ (อ.เมืองฯ บางสะพาน บางสะพานน้อย ทับสะแก ปราณบุรี หัวหิน สามร้อยยอด กุยบุรี)

ภาคใต้

• ชุมพร (อ.เมืองฯ สวี ท่าแซะ ปะทิว หลังสวน ทุ่งตะโก ละแม พะโต๊ะ)
• สุราษฎร์ธานี (อ.ท่าฉาง ไชยา ดอนสัก วิภาวดี กาญจนดิษฐ์ พนม บ้านตาขุน เกาะสมุย เกาะพะงัน)
• นครศรีธรรมราช (อ.เมืองฯ ขนอม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พิปูน ทุ่งสง ชะอวด ช้างกลาง พรหมคีรี)
• พัทลุง (อ.ศรีนครินทร์ ตะโหมด กงหรา ศรีบรรพต)
• และสงขลา (อ.นาทวี สะบ้าย้อย สะเดา)

พื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง

ภาคใต้

• สุราษฎร์ธานี (อ.วิภาวดี ไชยา)

ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ อันตรายจากกระแสไฟฟ้า และเพิ่มความระมัดระวังการขับขี่พาหนะบริเวณน้ำไหลผ่านเส้นทาง

ทั้งนี้ กรณีปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่า  ชาวบ้าน "ตะกุกเหนือ" อำเภอวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี รอรับช่วยเหลือน้ำป่าพัดบ้านนั้น  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ได้ประสานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานีตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า พื้นที่อำเภอวิภาวดี เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2565  

โดยนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ระดมสรรพกำลังหน่วยงานในพื้นที่พร้อมด้วย มทบ.45 นพค.46 กองบิน 7 ศูนย์ ปภ. เขต 11 สุราษฎร์ธานี อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว วานนี้(8 พ.ค.)

สำหรับบ้านเรือนที่เสียหาย นั้นได้แจ้งแนวทางการให้ความช่วยเหลือดังนี้

         1. บ้านเสียหายทั้งหลัง จะใช้เงินกองทุนสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี สร้างบ้านหลังใหม่ ตามแบบกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นค่าวัสดุหลังละ  220,000 บาทและค่าแรงจากเงินทดลองราชการ ฯ หลังละ 60,000 บาท โดยอำเภอเป็นผู้ดำเนินการ แต่ต้องย้ายไปสร้าง ที่จุดปลอดภัย และที่ดินจะต้องมีเอกสารสิทธิ์   หรือหากมีความประสงค์จะอยู่ที่เดิม จะได้รับความช่วยเหลือจากเงินทดรองราชการ เป็นค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน หลังละไม่เกิน 49,500 บาท  หรือตามที่เสียหายจริง

         2. สำหรับบ้านเสียหายบางส่วน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ

ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัย และชี้แจงหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือให้ประชาชนในพื้นที่ทราบแล้ว