2 สาวร้อง “บิ๊กโจ๊ก” เร่งทลายขบวนการค้าประเวณีข้ามชาติ

วันที่ 28 เมษายน 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมเหยื่อจากขบวนการค้ามนุษย์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง (รองผอ.ศพดส.ตร) เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ และเข้าช่วยเหลือเหยื่อคนไทยอีกนับร้อยคน

นายเอกภพ กล่าวว่า เหยื่อรายนี้หลบหนีขบวนการค้ามนุษย์มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเหยื่อสาวรายหนึ่ง วัย 25 ปี  ติดต่อเพจสายไหมต้องรอด เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ให้ข้อมูลว่า ตัวเองและเพื่อนอีกหลายคน  ถูกแม่เล้าซึ่งเป็นเน็ตไอดอลที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ไลฟ์เชิญชวนให้หญิงไทยรับงานเอนเตอร์เทน หรืองาน PR  ในต่างประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ซึ่งการไลฟ์แต่ละครั้ง จะมีคนเข้ามาชมหลักหมื่นคน ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่เมื่อเดินทางไปถึงต่างประเทศกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี "ใครที่ไม่ยอม จะถูกขายต่อไปเรื่อยๆ หรือจะต้องหาเงินมาไถ่ตัว 3-5 หมื่นบาท บางคนก็อาจถูกทำร้าย"

เหยื่อรายนี้ ครั้งแรกไม่ยอมทำงานจึงถูกขายต่อไปยังจุดที่ 2 ก่อนจะประสานติดต่อมาทางเพจเพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนหลบหนี 1 วัน เหยื่อติดต่อเข้ามาแจ้งว่าจะหลบหนีแล้ว หากไม่หลบหนีในวันนั้น เหยื่อจะถูกขายต่อไปยังจุดอื่นๆ  ซึ่งตามพิกัดระบุว่า เหยื่อถูกขังอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 400 เมตร และข้อมูลตามที่เหยื่อสังเกตการณ์สิ่งแวดล้อมเพื่อหาเส้นทางหลบหนี พบว่า ช่วงกลางคืนจะมีเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยน และเห็นทหารไทยเดินลาดตระเวนอยู่ เธอจึงตัดสินใจวิ่งหนีจากที่ขังกระโดดลงแม่น้ำเมย

“ผมต้องขอขอบคุณ ทหารกรมทหารราบที่ 4 กองพันที่ 3 ที่เข้าช่วยเหลือ เหยื่อทั้ง 2 ราย” 

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า หลังได้รับความช่วยเหลือ เหยื่อได้เข้าสู่กระบวนการกักตัวของจังหวัดแล้ว วันนี้ จึงพาเหยื่อเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ โดยได้ประสานกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง หรือ รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร.

เหยื่อสาว วัย 25 ปี เธอเล่าว่า ตนเป็นสมาชิกในเพจหางานต่างประเทศ ซึ่งพบการไลฟ์หาคนไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน จึงตัดสินใจไปทำงาน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นงานเอนเตอร์เทน หรืองาน PR ซึ่งในฝั่งเมียนมาเรียกงาน KTV จากนั้น เธอนั่งรถทัวร์ไปพบกับผู้จัดหางาน ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งได้พบหญิงสาวชาวมาเลเซีย อีก 6 คน ที่ทำงานเว็บพนันออนไลน์ ร่วมลักลอบข้ามแดนไปยังฝั่งประเทศเมียนมา ไปส่งที่บ่อนกาสิโน โดยคนในพื้นที่เรียกว่า ท่าเอเอ แต่แล้วปรากฏว่า มีแม่เล้าคนไทยมาคัดตัวหญิงสาวที่หน้าตาดีไปทำงาน KTV หรืองานเอนเตอร์เทน

ตนไม่ผ่านการคัดเลือก จึงถูกบังคับให้ค้าประเวณี หากไม่ยินยอมต้องจ่ายเงินค่าไถ่ 20,000-25,000 บาท หรือไม่ก็ถูกขายต่อ ซึ่งตนไม่มีเงินจ่ายค่าไถ่จึงถูกขายต่อแล้วถูกบังคับค้าประเวณี 

“แม่เล้าเป็นคนที่มีปัญหากับทุกคน เพราะไม่ได้ส่งแค่ประเทศเดียว ส่งประเทศเมียนมา ส่งประเทศกัมพูชา ส่วนกลุ่มอายุมีตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป คนไทยประมาณ 300-400 แม่เล้าเป็นคนไทยที่ข้ามไปข้ามมา” น.ส.เอ (นามสมมุติ) กล่าว