"นราพัฒน์" แจง "ปมใครชู้ใคร" รอสอบ "มัลลิกา" เบื้องต้นเชื่อว่าหาทางสรุปได้

นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบการให้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม และการนำข้อมูลภายในพรรคไปเผยแพร่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหาย พูดผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ อธิบายถึงขอบเขตการสอบกรณีไลน์หลุดปมชู้ และกิ๊กภายในพรรคประชาธิปัตย์  ที่นางมัลลิกา บุญมีตระกูลมหาสุข กรรมการบริหารพรรค เป็นผู้เปิดเรื่อง

โดยยืนยัน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวว่าเป็นผู้เสียหาย จากการสอบถาม ยังไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าข่าย หรือมีผู้เสียหายออกมาแสดงตัวตามที่นางมัลลิการะบุ ดังนั้นเรื่องนี้จึงคิดว่าไม่น่าจะมีมูล  เพียงแต่ว่าอาจจะเป็นเรื่องการแสดงอารมณ์ตอบโต้กัน ซึ่งเป็นปัญหาภายใน  ตามข้อบังคับก็ระบุไว้ถึงแนวทางการแสดงความเห็นว่าจะต้องไม่ไปก้าวล่วงหรือหมิ่นประมาทผู้ใด ดังนั้นการกระทำของนางมัลลิกาถือว่าผิดชัดเจน เป็นการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม กระทบจิตใจคนหรือสมาชิกของพรรค

สำหรับแนวทางการสอบสวน นายนราพัฒน์ เปิดเผยว่า วางกรอบสอบไว้ 2 ประเด็น 

1. สอบผู้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสม คือ นางมัลลิกา กระทำผิดข้อบังคับข้อใด รวมถึงกรอบจริยธรรมของพรรค

2. กรณีการโพสต์ครั้งนี้ถือเป็นเรืองภายใน เกิดขึ้นในไลน์กรรมการบริหารพรรค ใครเป็นคนนำไปเผยแพร่ผ่านสื่อ ทำหลุดออกสาธารณชน จนมีการนำไปขยายผลทำให้พรรคเสื่อมเสีย

เบื้องต้น นางมัลลิกา ได้ชี้แจงทางโทรศัพท์กับคณะกรรมการ อ้างว่า  สาเหตุที่โพสต์ผ่านไลน์กรรมการบริหารพรรค เนื่องจากไม่พอใจสมาชิกที่กดดันนายจุรินทร์ให้ลาอออก ทั้งที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ผู้เป็นต้นเรื่องของปัญหา ได้แสดงความรับผิดชอบลาออกจากรองหัวหน้าพรรคไปแล้ว ดังนั้นเรื่องก็น่าจะจบ ซึ่งการพิมพ์ข้อความลงไลน์ เป็นเรื่องของอารมณ์ โดยพูดรวมๆไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่ส่วนตัวเห็นว่า นักการเมืองหลายคนมีพฤติกรรมสนิทกันมากเกินไป ยืนยัน พิมพ์ลงแค่ไลน์กรรมการบริหารของพรรค แต่ไม่ได้นำไปเผยแพร่ หรือมอบให้สื่อมวลชนแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้น เริ่มจากนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค นำข้อความที่นายธนัท ธนากิจอำนวย นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบจริยธรรม กก.บห.พรรคประชาธิปัตย์ ที่สนับสนุนให้นายปริญญ์เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรค ก่อนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค จะส่งข้อความในไลน์ว่า “แปลว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โดยนางศรีสมร ตอบว่า “ไม่มีความเห็นค่ะท่าน”

ดูเหมือนเรื่องจะจบลงแค่นั้น ถ้าไม่มีนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข กก.บห. ซึ่งเป็นคนสนิทของนายจุรินทร์ได้โพสต์ข้อความสวนขึ้นมาในลักษณะเปิดประเด็นเหน็บแนมคนในพรรคอย่างดุเดือด โดยตั้งคำถามพฤติกรรมของคนๆเดียวควรถูกสอบจริยธรรมทั้งพรรคเลยหรือไม่ ต้องการเปลี่ยนกรรมการบริหาร เปลี่ยนหัวหน้าใช่หรือไม่ พร้อมกับแฉกลับคนๆหนึ่งเป็นชู้ ของเมียคนอื่นมานมนาน แบบนี้ต้องสอบจริยธรรมด้วยหรือไม่  ทำให้กก.บห.พรรคประชาธิปัตย์เงียบกันทั้งห้อง

ขณะที่ในไลน์กลุ่มชื่อ “อดีต ส.ส.และ ส.ส.ประชาธิปัตย์” ที่มีสมาชิกในห้องรวม 155 คน ได้มี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง โพสต์ข้อความว่า “ขออนุญาตนะครับ เรื่องที่เป็นข่าวฉาวในขณะนี้ กระทบคนที่ทำที่พื้นที่อย่างหนัก ผมเชื่อว่า ผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. และ ส.ก.จะยิ่งหนักกว่า หนักที่สุดคือชื่อเสียงของพรรคเรา ที่อีกไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ผมขอให้ผู้บริหารมีท่าทีที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ ที่จะสร้างความมั่นใจกับสังคมว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เพิกเฉย ดูดาย หรือเกียร์ว่าง กับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ ขออนุญาตที่ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา”

จากนั้น เรื่องราวได้บานปลายจนกระทั่ง นางมัลลิกา แสดงความรับผิดชอบลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพื่อลดแรงกดดันให้นายจุรินทร์ เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา