ดีเบตเดือด "ฮิญาบ" ก่อนเลือกตั้งชี้ชะตาฝรั่งเศส

ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบ 2 วันอาทิตย์นี้ (23 เมษายน) ซึ่งเป็นรอบชี้ชะตาว่าใครจะได้ครองทำเนียบ "ปาแล เดอ เลลีเซ" (Palais de l'lyse) หนึ่งในประเด็นร้อนที่สุดที่ผู้สมัครทั้งสองงัดมาห้ำหั่นในระหว่างการดีเบต ยังคงเป็นเรื่อง "ฮิญาบ" หรือผู้คลุมศีรษะของสตรีมุสลิม โดยมารีน เลอ เพน ยืนกรานหนักแน่นว่าจะห้ามการสวมฮิญาบในที่สาธารณะถ้าเธอได้เป็นประธานาธิบดี เพราะเธอมองว่าเป็น "เครื่องแบบที่กำหนดโดยศาสนาที่ทำให้สตรีไม่มีทางเลือก" ส่วนเอมมานูเอล มาครง ผู้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน บอกว่าถ้าห้ามสวมฮิญาบอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามกลางเมืองได้

แม้จะมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อการสวมฮิญาบ แต่เลอ เพน ยืนยันว่าเธอไม่ได้กำลังต่อสู้กับศาสนาอิสลาม ส่วนมาครงบอกว่าเขาจะไม่ห้ามการสวมเสื้อผ้าตามหลักศาสนา แต่จะกำกับดูแลการปิดมัสยิด โรงเรียเป้าหมายและกลุ่มต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวโดยใช้ศาสนาบังหน้า โดยความช่วยเหลือของทีมเฉพาะกิจ เพื่อถอนรากถอนโคนแหล่งต้องสงสัยว่าเพาะพันธุ์ลัทธิหัวรุนแรง

ก่อนหน้านี้มาครงได้ประกาศแผนสู้กับ "ลัทธิแบ่งแยก" ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายการผสมผสานของการเมืองกับศาสนาอิสลาม ที่ถูกมองว่าเป็นอันตรายต่อคุณค่าทางโลก โดยบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น แต่เลอ เพน ประกาศว่าจะก้าวไปอีกขั้น ด้วยการห้ามแต่งกายตามศาสนาในที่สาธารณะ โดยกำหนดให้เป็นกฎหมายแบบเดียวกับการบังคับให้คาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ 

ถ้าเลอ เพน ทำสำเร็จ ก็จะเป็นย่างก้าวที่คืบหน้ายิ่งกว่า กฎหมาย 2 ฉบับ ที่บังคับใช้อยู่แล้ว คือกฎหมายห้ามสวมผ้าคลุมศีรษะในชั้นเรียนเมื่อปี 2547 และกฎหมายห้ามการสวมนิกอบ ที่ปิดบังใบหน้าตามท้องถนนเมื่อปี 2563 เป้าหมายของเลอ เพน ยังรวมถึงการลดจำนวนการรับผู้อพยพ ทำให้การฆ่าสัตว์ตามพิธีกรรมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ที่จะกลายเป็นข้อจำกัดสำหรับชาวยิวในการเข้าถึงเนื้อสัตว์ที่ใช้ปรุงอาหารที่เรียกว่า "โคเชอร์" และอาหาร "ฮาลาล" ของชาวมุสลิม