เมื่อวันที่31มีนาคม 2565 ความคืบหน้ากรณีช่างภาพโพสต์เตือนเพื่อนร่วมอาชีพ ระวังตกเป็นผู้ต้องสงสัย หลังรับถ่ายภาพงานแต่งแล้วเงินสินสอด 1 ล้านบาทหายปริศนา ซึ่งกลายเป็นข่าวดังนั้น ล่าสุด ผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาพบกับ นายจำรัส อุปมาณ ผู้ใหญ่บ้านบ้านสันทรายก้อม หมู่ 2 ตำบลขัวมุง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่นางสาวแพรม เกิดและเติบโตมาจากที่นี่
นายจำรัสได้เล่าว่า ตัวของนางสาวแพรม เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตั้งแต่เด็กๆ โดยอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน พ่อเสียไปตั้งแต่นางสาวแพรมตัวน้อยๆ จากนั้นเมื่อนางสาวแพรม เรียนจบ ก็ได้ย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทิ้งให้แม่อยู่บ้านเพียงลำพัง ระหว่างนั้นก็ให้แม่ส่งเงินให้ตลอด โดยอ้างว่าเป็นเงินที่ต้องนำไปค้ำประกันเงินเดือน แม่ก็เลยเอาทรัพย์สินที่มีทั้งที่บ้านที่ดินที่ได้รับมาจากมรดกตกทอดไปจำนอง เพื่อเอาเงินมาให้ลูก
“ ช่วงที่ไปทำงานที่กรุงเทพใหม่ๆ นางสาวแพรมก็กลับมาเยี่ยมบ้านนานๆครั้ง แต่พอมาทีก็มีการกินเลี้ยงแบบหรูหราเป็นอย่างมากคล้ายไฮโซคนหนึ่ง และก็ไม่คิดด้วยว่าเงินที่ใช้กินหรูอยู่สบายนั้นเป็นเงินที่แม่ต้องนำที่ดินมรดกไปกู้ยืมมาให้”
กระทั่งหนี้สินล้นพ้นตัวก็ต้องจำเป็นที่จะต้องยกที่ดินมรดกให้กับเจ้าหนี้ไป จนแม่ของนางสาวแพรมฯไม่มีที่อยู่ ทางผู้ใหญ่บ้านจึงประสานหน่วยงานพัฒนาสังคมมนุษย์เพื่อให้การช่วยเหลือ แม่ของนางสาวแพรมฯจึงถูกพาตัวไปอยู่ที่บ้านพักคนไร้ที่พึ่ง แต่นางสาวแพรมฯก็ไม่เคยกลับมาดูแลแม่ของตัวเองอีกเลย อีกทั้งตนพยายามจะขอเบอร์ติดต่อนางสาวแพรมฯจากแม่ แต่แม่ก็ไม่ยอมให้น่าจะกลัวลูกอับอาย จนกระทั่งตกเป็นข่าวคดีสินสอดเงินล้านหายไปจากงานแต่งงานที่จังหวัดกำแพงเพชร
ข่าว/ภาพ ธนกร วงศ์นาง สำนักข่าวเนชั่นจังหวัดเชียงใหม่