29 มีนาคม 2565 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขระบุถึง สถานการณ์ ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา กระทรวงสาธารณสุข ว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ใน 13 เขตสุขภาพ กระจายยาแล้ว 22,877,678 ล้านเม็ด มีการใช้เฉลี่ยวันละประมาณ 2 ล้านเม็ด โดยมีจำนวนยา สำรองใช้ได้อยู่ที่ประมาณ 10 วัน
“ องค์การเภสัชกรรม เป็นผู้จัดหายา ส่วนระบบการกระจายยา เป็นการลงข้อมูลในระบบออนไลน์ ยอมรับว่า 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อในบางพื้นที่สูงขึ้น ทำให้จำนวนการใช้ยามากขึ้นตามไปด้วย อาจทำให้มีการติดขัดปัญหาในการลงระบบออนไลน์และเติมยาไม่ทัน แต่ยืนยันว่ายาไม่ได้ขาดแคลน ”
นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ข้อมูลการใช้ ยาฟาวิพิราเวียร์ มีนาคมถึงปัจจุบัน กระจายยาไปแล้วกว่า 72 ล้านเม็ด ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ว่า 200 ล้านเม็ด ขณะนี้มีการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ที่คลังยาองค์การเภสัชกรรมจำนวน 2,210,000 ล้านเม็ด
ขณะที่ การจำแนกสูตรในการรักษา "เจอ แจก จบ" ข้อมูล ในเขตสุขภาพที่ 4-6 ผู้ป่วยทุกรายอาจไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่มีอาการ ซึ่งการจัดยาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และอาการของผู้ป่วย โดย พบว่า
“ ยาอาจจะเกิดผลกระทบต่อร่างกายได้ โดยจะเป็นการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลเพื่อลดอาการดื้อยารวมถึงลดค่าใช้จ่ายด้วย ”
ส่วนกรณีผู้สูงอายุที่ติดเชื้อโควิด-19 ในระบบHI นพ.ธงชัย อธิบายว่า หากไม่มีอาการ หรืออาการน้อย และได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม ไม่จำเป็นต้องได้ยาฟาวิพิราเวียร์ โดยแพทย์จะจ่ายยาตามอาการของผู้ป่วย
ขณะที่ เภสัชกรหญิงศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขสั่งการให้องค์การเภสัชกรรม สำรองยา ‘ฟาวิพิราเวียร์’ 110 ล้านเม็ด ขณะนี้จัดส่งแล้ว 80 ล้านเม็ด เหลืออีก 30 ล้านเม็ด จะทยอยจัดส่งทุกสัปดาห์จนครบ 110 ล้านเม็ด ภายในเดือนเมษายนนื้
ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่า แนวโน้มผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุข จึงสั่งให้จัดหายาเพิ่มอีก 75 ล้านเม็ด ในจำนวนนี้เป็นยา ‘ฟาวิพิราเวียร์’ 50 ล้านเม็ด ส่วนอีก 25 ล้านเม็ด จะต้องพิจาณาว่า เป็นยา ‘โมลนูพิราเวียร์’ หรือ ‘ฟาวิพิราเวียร์’ เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องของราคาเป็นหลัก เบื้องต้นในจำนวน 25 ล้านเม็ด ได้เจรจาสั่งซื้อ ‘โมลนูพิราเวียร์’ 10 ล้านเม็ด
นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ระบุถึงแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลกรณีโรคโควิด -19 ฉบับปรับปรุงวันที่ 22 มีนาคม หนึ่งในแนวทางเวชปฏิบัติ สำคัญ คือ การดูแลรักษาในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการกลุ่มเลย ที่ตอนนี้ในกลุ่มนี้ ให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอกไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัส เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากส่วนมากหายเองได้ และอาจพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรตามดุลยพินิจของแพทย์และไม่ให้ยาฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาต้านไวรัสเนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงของยา
กลุ่มที่มีอาการเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มนี้ อาจจะพิจารณาให้ฟาวิพิราเวียร์ได้ตามความเหมาะสมในบางราย โดยต้องเริ่มให้ยาเร็วที่สุด หลังจากติดเชื้อมาแล้วต้องให้ยาภายใน 5 วัน
“ข้อควรระวังในการใช้ยา คือ ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกรดยูริคในร่างกาย ”