26 มีนาคม 2565 ธุรกิจโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" เริ่มได้รับผลกระทบหลังจากยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % จากภาครัฐ ซึ่งพบว่าเริ่มมีปัญหาติดค้างเงินสนับสนุนมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2654
ปัญหาการจ่ายเงินสนับสนุนจากรัฐล่าช้าเริ่มมาตั้งแต่ลูกค้าใช้สิทธิ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3" ช่วงการใช้สิทธิตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึง 31 มกราคม 2565 ระยะเวลาสิ้นสุดโครงการภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2565
ส่วน "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 ก.พ.-31 พ.ค. 65 เข้าพักได้ตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 นอกจากการจ่ายเงินสนับสนุนของรัฐที่ล่าช้า ยังพบว่า เริ่มมีปัญหาที่บางโรงแรมยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40% จากรัฐ
นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการ เราเที่ยวด้วยกันตั้งแต่เฟส 1 รัฐบาลจะสนับสนุนเงิน 40 % โดยเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของโรงแรมภายใน 15 วัน หลังจากลูกค้าเช็คอิน แต่ "เราเที่ยวด้วยกัน" รอบนี้เกิดความล่าช้าในการจ่ายเงินของรัฐมาก
“ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ให้โรงแรมส่งเอกสารเพิ่ม เพื่อพิจารณา โดยระบุว่า เอกสารสแกนใบหน้าลูกค้าไม่สมบูรณ์ ทำให้เริ่มติดค้างเงินสนับสนุนมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2654 ทำให้หลายโรงแรมเริ่มประสบปัญหาสภาพคล่อง ”
นายพิสูจน์ กล่าวอีกว่า เฉพาะโรงแรมในพื้นที่ภาคตะวันออก อย่าง พัทยา ชลบุรี จันทบุรี ตราด คาดว่ามียอดเงินติดค้างเกือบ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการในหลายจังหวัดก็มีปัญหาการจ่ายเงินสนับสนุนของรัฐที่ล่าช้าเช่นกัน ทำให้ผู้ประกอบการบางรายเริ่มมีความกังวลเรื่องสภาพคล่อง
แม้ที่ผ่านมามีภาคเอกชนได้มีการประชุม กับ ททท. และได้รับคำตอบว่าจะโอนเงินให้ตั้งแต่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันโรงแรมกลับยังไม่ได้รับเงิน กังวลว่าจะกระทบต่อสภาพคล่องในการรับนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์นี้ และผู้ประกอบการโรงแรมบางรายอาจจะถอนตัวในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4
ขณะที่ นายวิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการโรงแรมราว 300 แห่ง หรือราว 50% ของโรงแรมในจังหวัดกำลังได้รับความเดือนร้อน เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % จากภาครัฐในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ซึ่งปัญหานี้เริ่มเกิดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ถูกค้างชำระค่าห้องจากภาครัฐ ตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักล้านบาท ทั้งจังหวัดรวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
“ ที่ผ่านมาเคยสอบถามปัญหานี้ไปยังหน่วยงานในพื้นที่แล้ว แต่ได้รับคำตอบว่าเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยหน่วยงานส่วนกลาง จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงด้วย ”
ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เอกสารที่ขอให้โรงแรมส่งมาเพิ่มคือ "รายการที่แสกนใบหน้าลูกค้าที่ไม่สำเร็จ สำหรับลูกค้าที่เข้าพักเกิน 5 สิทธิขึ้นไป" เนื่องจากเอกสารของลูกค้ากลุ่มนี้ต้องส่งรายละเอียดเพิ่มเพื่อความสมบูรณ์ในการตรวจสอบ
ขณะนี้ ททท. ได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อจัดการกับปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นแล้ว คาดว่าจะจัดการได้ภายใน 60 วันหลังจากเอกสารครบถ้วน ย้ำสาเหตุที่ต้องตรวจเข้มข้นขึ้นเพราะเราเที่ยวด้วยกันใน2 เฟสที่ผ่านมามีการทุจริตเกิดขึ้น จึงต้องมีการเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ