21 มีนาคม 2565 ที่กระทรวงพลังงาน ตัวแทนสภาองค์กรผู้บริโภค ตัวแทนกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก และนางรสนา โตสิตระกูล เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หลังจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และมีมติเห็นชอบปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า FT) สำหรับเรียกเก็บในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 ที่อัตรา 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟโดยรวมประมาณ 4 บาทต่อหน่วย และคาดว่าจะมีการทยอยปรับขึ้นค่า FT ต่อไปอีกในอนาคต
นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรผู้บริโภค ได้เสนอให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เองเพื่อลดค่าใช้จ่าย ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงมาจากหลายปัจจัย ที่ไม่ใช่เพียงความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เท่านั้น แต่เป็นเพราะการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาล เนื่องจากการวางแผนผลิตไฟฟ้า ที่คำนึงถึงความมั่นคงด้านพลังงานเกินความจำเป็น และเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเกินสมควร อีกทั้งรัฐยังไม่ตระหนักถึงปัญหาปริมาณไฟฟ้าสำรองที่ล้นเกินอย่างจริงจังแทนที่รัฐจะหยุดหรือลดการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดเป็นภาระต่อประชาชน แต่รัฐยังจะเดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าในสปป.ลาวเข้ามาอีก
จากปัญหาดังกล่าว สภาองค์กรของผู้บริโภค จึงได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สนับสนุนประชาชนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา ตามโครงการโซลาร์เซลล์ภาคประชาชนให้เพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยจากเดิมกำหนดราคารับซื้อไว้ที่ 2.20บาทต่อหน่วย ให้เปลี่ยนเป็นระบบเน็ตมิเตอริ่ง หรือระบบการคิดค่าไฟฟ้าแบบหักลบกลบหน่วย
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้การไฟฟ้าฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเป็นภาระในการเปลี่ยนหรือเพิ่มมิเตอร์ไฟฟ้า และให้ขยายระยะเวลาการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ภาคประชาชน จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 10 ปี เป็น 20-25ปี หรือตามอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์ พร้อมทั้ง ให้จัดหาแหล่งทุนกู้ยืมดอกเบี้ยร้อยละหนึ่งบาทต่อปี เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ได้อย่างแท้จริง
ด้านนางรสนา กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขให้กับประชาชน ทั้งยังมีการเพิ่มค่าผ่านท่อน้ำมันกลางทะเลที่มีอยู่แล้วตามราคาน้ำมันตลาดโลก ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม รวมถึงกลุ่มปิโตรเคมีที่ไม่ต้องจ่ายภาษีไม่จ่ายเงินเข้ากองทุน กลายเป็นภาระของประชาชน และค่าไฟสำรองเกินเยอะมากแต่รัฐบาลยังรับซื้อ จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อช่วยเหลือประชาชน
ขณะที่นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน ได้เข้ารับหนังสือ พร้อมกล่าวว่า กระทรวงพลังงาน รับทราบข้อเสนอและจะนำเสนอรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับข้อเสนอที่สภาองค์กรผู้บริโภคและเครือข่ายเสนอ มีดังนี้
1.ให้ดำเนินการสนับสนุนการพึ่งตนเองด้านพลังงานไฟฟ้าของประชาชนอย่างเต็มที่ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาตามโครงการโซลาร์เซลล์ภาคประชาชนให้เพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน
2.ขอให้ยับยั้งและทบทวนการคิดค่า Ft ใหม่โดยด่วน
3.ให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ออกไป และการดำเนินการเพื่อการได้มาซึ่งพลังงานไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศจะต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียงด้วย
และ 4. การดำเนินนโยบายด้านพลังงานและการกำกับกิจการพลังงานของประเทศ ขอให้ตระหนักถึง ความมีธรรมาภิบาลอย่างสูงสุด และต้องไม่ให้มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง