กรณีการเสียชีวิตของนักแสดงชื่อดัง “แตงโม – นิดา พัชรวีระพงษ์” ซึ่งเสียชีวิตจากการตกเรือสปีดโบ๊ทระหว่างอยู่กับกลุ่มเพื่อนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 65 โดยกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในขณะเกิดเหตุได้แก่ ปอ - ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ , กระติก - อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ , แซน - วิศาพัช มโนมัยรัตน์ , จ๊อบ - นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร , โรเบิร์ต - ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์
ล่าสุด ( 7 มี.ค.65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อโกหกแล้ว ต้องโกหกตลอดไป จากประสบการณ์ของผมที่เคยมีคดีกว่า 20 คดี “การพูดความจริง” เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
หากเริ่มต้นด้วยการโกหกในชั้นตำรวจ ก็ต้องโกหกต่อไปในชั้นอัยการ ศาล
เมื่อมีคดีความเกิดขึ้นทุกคนต้องการเอาตัวรอด โดยเฉพาะคดีดังๆ ที่อยู่ในกระแสสนใจของสังคม ไม่ว่าคดีลุง คดีหวย หรือคดีที่ทุกคนสนใจในขณะนี้
มักเกิดความเครียดทำให้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลือกไม่พูดความจริง หรือพูดความจริงผสมความเท็จ
แต่คดีที่มีผู้เกี่ยวข้องเกิน 2 คน หากเลือกจะโกหกแล้ว ก็ต้องโกหกให้เหมือนกัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะจะต้องมีคนใดคนหนึ่ง “หลุด”
ยิ่งบางคดีดันมีกันตั้ง 5 คน ตอนแรกก็ร่วมมือเตี๊ยมกันโกหกอย่างดี แต่พอตอนหลังเห็นท่าไม่ดี จะมีคนพูดเพื่อเอาตัวรอดตามสันดานของคนมีคดีที่มัก “โทษคนตาย” ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด
นี่เป็นเพราะตอนเกิดเหตุตกใจ เลยไปขอ “คำแนะนำ” จาก “ผู้รู้” แท้ๆ ถึงได้คำโกหกที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่มีตรรกะ
ตอนนี้ความซวยกำลังจะมาเยือน หากมีใครคนใดคนหนึ่งเกิดกลัวยอมพูดความจริงขึ้นมา จากเดิมที่จะไม่ติดคุกเพราะเป็นแค่คดีประมาท คราวนี้จะติดคุกเอา เพราะข้อหาให้การเท็จ
ส่วนคนที่เหลือแม้จะนั่งยันนอนยันว่าที่พูดมาก่อนหน้านี้เป็นความจริงแล้ว
ท้ายสุดก็จะโยนกันไปมาพากันลงเหวหมด
ถ้าพูดความจริงเสียตั้งแต่แรก คงไม่ซวยแบบนี้ เพราะการพูดความจริง จะให้พูดอีกกี่ครั้งก็ย่อมเหมือนกันทุกครั้ง
แต่หากเลือกพูดโกหก ก็ต้องโกหกตลอดไป
เอาตามสุภาษิตผมดีกว่า
“สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ”