svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม”

22 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เข้าตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม” อ.นครไทย จ.พิษณุโลก พื้นที่เกิดเหตุ ทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง

พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. เปิดเผยว่า นำกำลังเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เข้าตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม” อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม”
สำหรับจุดดังกล่าวเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าเช็คอินชมวิว และเช่าที่พักเป็นลานกางเต้นท์ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง หลังจากชาวบ้านร้องเรียน หลายหน่วยงานในพื้นที่แล้วสั่งยุติเรื่อง ไม่ดำเนินการต่อ จึงต้องร้องเรียนไปยังส่วนกลางให้เข้าตรวจสอบ

วันที่ 22 ก.พ.65 เวลา 10.00 น.
คณะเจ้าหน้าที่นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ นำโดยนายสมชาย ฉิมแย้ม เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส, กอ.รมน.
จังหวัด พ.ล., สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก, หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.14 (น้ำคลาด), สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ พล.7 บ้านแยง และฝ่ายปกครองอำเภอนครไทย รวม 15 นาย ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ที่มีเรื่องร้องเรียนว่ามีการก่อสร้างร้านกาแฟ ลานกางเต้นท์ และจุดชมวิวบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ในท้องที่ บ.หนองหิน หมู่ 2 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม”

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางถึงพื้นที่บริเวณที่ร้องเรียน ตรวจสอบพบมีการปรับพื้นที่ เพื่อใช้เป็นพื้นที่กางเต้นท์ เป็นลานกว้าง ประมาณ 5  ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ จำนวนมาก พบช่างกำลังก่อสร้างซุ้มนั่งรับประทานอาหารเพิ่มเติม ที่สร้างเสร็จแล้วนับได้รวม 16 ซุ้มผลการตรวจสอบพื้นที่ และการให้ถ้อยคำดังนี้
 

กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม”

พบพื้นที่บุกรุกใหม่ มีการใช้รถแทรกเตอร์ล้อยางดันดินลงไปที่บริเวณหน้าผาเป็นแนวยาว เพื่อขยายพื้นที่ทำเป็นจุดชมวิว โดยทำรั้วเป็นเหล็ก และไม้ไผ่กั้น สร้างซุ้มถ่ายรูป 2 ซุ้ม และซุ้มศาลาที่นั่งรับประทานอาหารจำนวน 6 ซุ้ม ติดรั้วริมหน้าผา

 

กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม” ขณะตรวจสอบ มี น.ส.สายฝนฯ อายุ 48 ปี รับว่าเป็นเจ้าของ”จุดชมวิวผาตะวันงาม” โดยซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้านหลายราย เจ้าหน้าที่จึงให้ น.ส.สายฝนฯ นำชี้ขอบเขตพื้นที่ของตนเอง รวมทั้งขอบเขตพื้นที่บุกรุกใหม่ด้วยเครื่องมือหาค่าพิกัดดัวยสัญญาณดาวเทียม (จีพีเอส) ในระบบ UTM WGS 1984 มาคำนวณ เนื้อที่ได้ 66 - 2 - 44 ไร่

 

สอบปากคำนายประถม อายุ 61 ปี  อาชีพเกษตรกร อยู่บ้านเลขที่ 40 บ.เกษตรสมบูรณ์ ม.10 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก แจ้งว่าครอบครองพื้นที่สวนยาง 15  ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ แต่ตนและครอบครัวได้เข้ามาขายของ
ในร้านของ น.ส.สายฝนฯ ซึ่งซื้อ
ที่ดินต่อจากตนเอง
   

พื้นที่ยึดถือครอบครองของ น.ส.สายฝนฯ ได้ซื้อที่ดินมาประมาณ 20 ปี แต่เข้ามาพัฒนาสร้างจุดชมวิว, ลานการเต้นท์, ร้านอาหาร และร้านกาแฟ เมื่อประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมา และได้เริ่มปลูกไม้ผล คือ สับปะรด และทุเรียน พร้อมทั้งขุดสระน้ำ จำนวน 2 สระ และสร้างน้ำตกจำลอง รูปปั้นทุเรียน,สับปะรดไว้ให้นั่งท่องเที่ยวถ่ายรูป พื้นที่ที่ตนครอบครองไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ โดยซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าทับที่ดินชาวบ้านที่มีการสำรวจการถือครอง(มติ ครม.39 มิ.ย.๔ฝ41) รวม 9 ราย

 

ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ มีการสำรวจการถือครองแล้วตามมติ ครม.30 มิ.ย.41 บุคคลที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนฯ ได้มีเงื่อนไขว่าห้ามบุกรุกขยายพื้นที่ หรือห้ามเปลี่ยนมือ แต่ผู้ครอบครองพื้นที่เดิมทำผิดเงื่อนไข โดยขายเปลี่ยนมือให้ น.ส.สายฝนฯ ซึ่งถือว่าเป็นผู้บุกรุกรายใหม่แล้ว อีกทั้ง น.ส.สายฝนฯ ได้บุกรุกใหม่ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก
จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง

กอ.รมน.และชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ตรวจยึด “จุดชมวิวผาตะวันงาม”

การกระทำในลักษณะดังกล่าว เป็นการเข้ายึดถือครอบครองหรือทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำผิด ดังนี้

 

พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ประกอบ 72 ตรี ฐาน “ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”,มาตรา 55 ฐาน”ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตราก่อน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น” 
 

พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ  พ.ศ.2507 มาตรา 14 ประกอบ 
มาตรา 31 ฐาน “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์  หรืออยู่อาศัยในที่ดิน  ก่อสร้าง  หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”,

 

มาตรา 26/4 “ผู้กระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลาย หรือ เป็นเหตุให้เกิดการทำลาย หรือทำให้สูญหาย หรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้น  มีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าของทรัพยากร
ธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น”

​ คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกัน
จัดทำบันทึกตรวจยึดพื้นที่บุกรุก จำนวน 66 - 2 - 44 ไร่ คิดค่าเสียหายเบื้องต้นของรัฐเป็นเงิน จำนวน 4,545,747 บาท
 ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ได้มอบให้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.14
(น้ำคลาด) กล่าวโทษต่อ พงส.
สภ.บ้านแยง เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.สายฝนฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง

—————————————-

logoline