svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

หนี้ครัวเรือนพุ่ง 89.3 % คลัง ชี้ ไม่น่ากังวล เหตุ หนี้ส่วนใหญ่เพื่อการลงทุน

21 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หนี้ครัวเรือนพุ่ง 89.3% คลัง แจง ไม่น่ากังวล ระบุ ส่วนใหญ่เป็นหนี้ เพื่อต่อยอดรายได้และทรัพย์สิน ชี้ ตัวเลขจีดีพีปี 64 ของสภาพัฒน์โตเกินคาด 1.6% สะท้อนไทยรับมือโควิด-19 ได้ดี รัฐใช้จ่ายเงินกู้เกิดประโยชน์สูงสุด

21 กุมภาพันธ์ 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยในขณะนี้ว่า ตัวเลขหนี้ครัวเรือนปัจจุบัน ที่ดูพุ่งสูงกว่า 89.3% ต่อจีดีพีนั้น เนื่องจากตัวเลขจีดีพี ที่ยังขยายตัวหรือโตได้ในอัตราต่ำ ทำให้เมื่อนำมาคำนวณตัวเลขหนี้ครัวเรือนแล้ว จึงออกมาสูง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)

 

หากดูในรายละเอียด จะพบว่า 34.5% เป็นหนี้การจากซื้ออสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ 12.4% เป็นหนี้จากการซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดอาชีพได้ และอีก 20% เป็นหนี้เพื่อการประกอบอาชีพโดยตรง ดังนั้นหนี้ในส่วนนี้เมื่อรวมกันแล้วกว่า 65% จึงเป็นหนี้ที่ก่อขึ้นเพื่อการลงทุน เป็นการต่อยอดสร้างรายได้ และหนี้เพื่อสะสมทรัพย์สิน ดังนั้น ตัวเลขหนี้ครัวเรือนในปัจจุบันจึงยังไม่น่ากังวล ขณะเดียวกัน ตัวเลขหนี้เสียของสถาบันการเงิน ยังทรงตัวอยู่ในระดับ 2.8-2.9%

 

“โดยหลักการ ใครที่มีหนี้ ก็น่าเป็นห่วงทั้งนั้น เพียงแต่ถ้าไปดูไส้ในก็เป็นหนี้ที่ก่อขึ้นมาเพื่อก่อให้เกิดรายได้ และเพื่อสะสมทรัพย์ จึงไม่น่ากังวล แต่หนี้เพื่อการบริโภค อาจต้องมาดูว่าจะทำอย่างไร ให้เขามีรายได้เพื่อชำระหนี้ คิดว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สภาพัฒน์เป็นห่วงมากกว่า” โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว

นายพรชัย กล่าวต่อ กรณีสภาพัฒน์แถลงจีดีพีปี 64 ขยายตัวที่ 1.6% นั้น เป็นเพราะได้รับอานิสงส์จากไตรมาสที่ 4 ในภาคการบริโภคของภาคเอกชนกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น จากที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ไม่มาก ขณะเดียวกัน การเบิกจ่ายการลงทุนภาครัฐก็ดีขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ ไตรมาสที่ 4 จึงเป็นไตรมาสที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมิน โดยขยายตัวได้ถึง 1.9% ทำให้ทั้งปีสามารถขยายตัวได้ในระดับดังกล่าว

 

นอกจากนี้ตัวเลขดังกล่าว ยังสะท้อนถึงการรับมือสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดี และรัฐบาลมีการใช้เงินกู้ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดในการดูแลภาคส่วนต่างๆ จึงส่งผลให้การขยายตัวเศรษฐกิจดีกว่าที่คาด ซึ่งสภาพัฒน์ กระทรวงการคลัง ได้คาดการณ์จีดีพีปี 64 จะขยายตัวได้เพียง 1.2% ในขณะที่แบงก์ชาติก็คาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 1% กว่า เท่านั้น

logoline