นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (21 ก.พ.65) เวลา 10.00 น. เขาจะนำคณะ ไปยื่นฟ้องปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลปกครอง มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนสมาชิกองค์กรด้านผู้บริโภค "บางองค์กร" ที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามกฎหมาย และเพิกถอนการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคต่อไป โดยหลังจากยื่นฟ้อง จะแถลงข่าวรายละเอียดคำฟ้องต่อสื่อมวลชน
"ศรีสุวรรณ" ร้อง สปน. เร่งสอบคุณสมบัติองค์กรผู้บริโภคทิพย์
กาอนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 64 นายศรีสุวรรณ ยื่นคำร้องถึงปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะนายทะเบียนกลาง ตาม พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562 หลังจากที่สมาคมฯ เคยยื่นคำร้องให้ตรวจสอบ "16 องค์กรด้านผู้บริโภค" เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมฯ ได้สุ่มตรวจพบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า องค์กรผู้บริโภค หลายองค์กรที่รวมตัวกันดำเนินการเพื่อจัดตั้ง "สภาองค์กรของผู้บริโภค" ในหลายจังหวัด หรือที่เข้าเป็นสมาชิกของสภาองค์กรของผู้บริโภค อาจมีลักษณะเป็นองค์กรผู้บริโภคที่จัดตั้งขึ้น ไม่เป็นไปตามมาตรา 5(1) และ(2) แห่งพ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562 กล่าวคือ องค์กรที่จัดตั้งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อาจถูกครอบงำ โดยผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล กรรมการหรือผู้มีอำนาจบริหารของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือ โดยหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือพรรคการเมือง ซึ่งเป็นข้อห้ามตามกฎหมาย
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า องค์กรผู้บริโภค ที่จดแจ้งกับนายทะเบียนกลาง แต่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อ และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกโดยการพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือชาวบ้าน ก็พบว่า มีบางองค์กรมีที่ตั้งแบบลอย ๆ ไม่มีการทำกิจกรรมตามที่จดแจ้ง ชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้จัก บางองค์กรคนที่อุปโลกน์ว่าเป็นประธานกลุ่มแต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่ไปอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดอื่น บางองค์กรประธาน รองประธาน หรือกรรมการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาจถือได้ว่ามีคุณลักษณะไม่เป็นไปตาม ม.5(1)(2) ประกอบ ม.6 ของกฎหมายข้างต้น
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมฯ ทราบมาว่านายทะเบียนของแต่ละจังหวัดได้เริ่มทำหนังสือแจ้งมายังนายทะเบียนกลาง (ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) หลังจากที่ สปน.แจ้งให้ตรวจสอบ 16 องค์กรที่สมาคมฯได้ยื่นให้ตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมีข้อมูลเล็ดลอดออกมาว่า ผลการตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ทุกองค์กรมีการดำเนินกิจกรรมตามที่จดแจ้งไว้
โดยทราบว่า มีการสั่งให้ทำป้ายไวนิลชื่อองค์กรไปติดตั้งไว้ ณ สถานที่ตั้งองค์กรที่จดแจ้งไว้ แล้วถ่ายรูปส่งมารายงาน เป็นต้น
เพราะฉะนั้น การกระทำดังกล่าวอาจขัดแย้งจากข้อเท็จจริงและหลักฐานที่สมาคมฯ ได้เก็บรวบรวมไว้ ซึ่งผู้ที่รายงานข้อมูลอันเป็นเท็จอาจมีความผิดตามกฎหมายได้
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หาก สปน.วินิจฉัยองค์กรผู้บริโภคเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะตามที่กฎหมายบัญญัติ ผู้ที่ร่วมจัดตั้งย่อมเข้าข่าย “แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่รัฐ” ตาม ป.อ.มาตรา 137 ที่บัญญัติไว้ความว่า “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
สมาคมฯ จึงนำข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมมาให้นายทะเบียนกลางดำเนินการเอาผิดบุคคลและหรือองค์กรผู้บริโภคนั้น ๆ ตามกฎหมายข้างต้นหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว