ความคืบหน้าในการติดตามคดีคนร้ายจำนวน 3 คน ใช้รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน พร้อมด้วยอาวุธปืนยิงใส่ประตูบานกระจกที่ร้าน กับใช้ค้อนทุบบานประตู ร้านจำหน่ายทองรูปพรรณกรุงเทพ 4 เลขที่ 356 ถนนซอโอ-วาเล่ย์ ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก จากนั้นได้นำเอาทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 187 บาท ขึ้นรถยนต์หลบหนีไปนั้น
ล่าสุด นายศราวุฒ อยู่แก้ว พ่อของเจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุ ยอมรับว่า ได้ยิง นายชิด อากา อายุ 30 ปี (ชื่อตามหนังสือเดินทางแรงงานสัญชาติเมียนมา) ลูกค้าที่ไปซื้อสร้อยคอทองคำในขณะเกิดเหตุ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร เนื่องจากเมื่อทราบว่ามีโจรปล้นร้านทอง ก็รีบออกมาจากด้านหลังร้าน และได้ยินเสียงในร้านไม่ทราบว่าอะไรดัง พอเปิดประตูเข้าไปก็ยิงสาดไป 3 นัดทันที พบชายคนหนึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครถูกตนยิงเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.อำพล วงศ์ใหญ่ รองผบก.ภ.จว.ตาก กล่าวว่า กรณี นายศราวุฒ บิดาเจ้าของร้านยิงนายชิ ลูกค้าร้านทองนั้น ตำรวจทราบแต่แรก และได้เก็บหลักฐานเป็นเขม่าดินปืน และปลอกกระสุนปืน พร้อมกับปืนไว้ทั้งหมดแล้ว เพียงแต่รอการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเสร็จแล้ว ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทางตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรม
ส่วนเรื่องการเยียวยาครอบครัวนายชิ นั้น ทราบว่าทางเจ้าของร้านทองได้เจรจาพูดคุยกับครอบครัวของผู้ตายแล้ว หากมีการดูแลญาติผู้ตาย จะทำให้บรรเทาโทษได้
อย่างไรก็ตาม การติดตามคนร้าย ตามที่ศาลจังหวัดแม่สอดได้ออกหมายจับคือ นายคึ แซ่ท้าว อายุ 22 ปี, นายเต้อ แซ่ท้าว 23 ปี ทางตำรวจได้ประสานผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาส่วนท้องถิ่น (ทีบีซี.) เพื่อให้ทางฝ่ายเมียนมาจับตัวส่งมาให้ทางไทยอีกด้านหนึ่งด้วย ส่วนนายวรพงษ์ แซ่ท้าว อายุ 23 ปี เป็นผู้ร่วมขบวนการให้การสนับสนุนรถยนต์สีขาว กับอาวุธปืน และนำพาหนีไปด้านชายแดนไทย-เมียนมา ที่บ้านยะพอ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ นั้น ขณะนี้ทางตำรวจ สภ.พบพระ ได้คุมตัวสอบสวน เพื่อขยายผลทางคดีต่อไป หลังจากที่จับตัวได้
พ.ต.อ.อำพล กล่าวถึง การที่ตำรวจจับนายวรพงษ์นั้น ต้องใช้เวลานานมาก เพราะว่าต้องไล่เก็บภาพวงจรปิดแต่ละจุด จนพบว่านายวรพงษ์ ออกไปซื้อสิ่งของที่ใช้ในการปล้น เช่น รองเท้าบูธยาง เสื้อผ้าจากร้านค้าใน อ.พบพระ และทางเจ้าหน้าที่ได้นำภาพไปให้ทางครอบครัวดู ซึ่งทางครอบครัวยืนยันว่าเป็นภาพนายวรพงษ์ และเมื่อตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ก็พบว่าเป็นนายวรพงษ์จริง ตามภาพที่ปรากฏในกล้องซีซีทีวี
โดย สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี