svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

พยานชี้ตัว “โบ๊ท” ผู้แทนบ.นอมอนี "เสี่ย ก" อดีตเจ้าพ่ออ่าง รุกป่าสวนผึ้ง

14 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้ใหญ่ หมู่ 6 บ้านท่าไม้แดง ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ. ราชบุรี เผยเป็นพยานเจ้าหน้าที่คดีรุกป่าสวนผึ้ง มี “เสี่ยโบ๊ท” ตัวแทนบริษัทเจ้าของที่ดิน นอมอนี "เสี่ย ก" อดีตเจ้าพ่ออ่าง มารับทราบข้อกล่าวหารุกป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และเขตป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ย.64 หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าพุยาง จ.ราชบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านผู้หวังดีว่ามีเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่ป่าบริเวณท้องที่บ้านท่าไม้แดง หมู่ที่ 6 ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ 

 

วันที่ 8 ก.ย.64 หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าพุยาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าบ่อหวี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (สจป.10) ราชบุรี เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าบ้านท่าไม้แดง หมู่ที่ 6 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และในเขตป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 พบการกระทำความผิดตรวจยึดพื้นที่ 1 แปลงเนื้อที่ประมาณ 68 ไร่ 65 ตารางวาและตรวจยึดรถแบคโฮ 1 คันจับกุมผู้กระทำความผิดได้สองคนคือนาย "ธ" หรือ “เสี่ยโบ้ท” แสดงตัวเป็นผู้แทนบริษัทเจ้าของที่ดิน และนาย "ส" เจ้าของรถแบคโฮ

 

นาย "ส" ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก พร้อมกับแนะนำหลักฐานเอกสาร น.ส.3 ก จำนวน 4 ฉบับ มาแสดงกับเจ้าหน้าที่โดย น.ส.3 ก แต่ละฉบับมีเนื้อที่ 50 ไร่รวมเนื้อที่ 200 ไร่ จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์น.ส.3 ก ปรากฏชื่อผู้ครอบครองเดิมคือ นาง "ป" ทั้ง 4 ฉบับ ออกเมื่อวันที่ 6 ก.พ.35 

ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้กับผู้ใหญ่กิตติมา ผู้ใหญ่ หมู่ 6 บ้านท่าไม้แดง ต.ท่าเคย เปิดเผยว่า เป็นผู้ใหญ่บ้านมา 22 ปีแล้ว สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวเดิมเป็นพื้นที่ที่เคยมีการทำการเกษตร แต่ปล่อยให้รกร้างหลายปี กระทั่งมีการเข้ามาปรับพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ

 

ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าของรถแบคโฮ ทราบว่า ปรับพื้นที่ตามแนวรั้วที่เจ้าของพื้นที่ปักไว้ให้ ไม่ทราบว่ารุกล้ำออกนอกเอกสารสิทธิ์

 

ผู้ใหญ่กิตติมา เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมตรวจสอบแนวเขตกับคณะเจ้าหน้าที่ วันนั้น (8 ก.ย.64) มีชาย 1 คน ได้ยินชาวบ้านเรียกว่า “เสี่ยโบ๊ท” มาแสดงตัวเป็นผู้แทน บริษัทซึ่งถือครองที่ดิน 4 แปลง โดย “เสี่ยโบ๊ท” มาพบกับเจ้าหน้าที่ในช่วงค่ำ ในวันนั้นมืดมาก และฝนตกหนัก 

 

ผู้ใหญ่กิตติมา เปิดเผยว่า ร่วมเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าที่ในการแจ้งให้ “เสี่ยโบ๊ท” ผู้แทนบริษัทเจ้าของที่ดินทราบว่า มีพื้นที่บุกรุกป่าเนื้อที่รวม 68 ไร่ 65 ตารางวา 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรอบพื้นที่การบุกรุกตรวจวัดหาค่าพิกัดโดยใช้เครื่องมือหาค่าพิกัดจากสัญญาณดาวเทียม GPS ในระบบ WGS จำนวน 16 จุด คำนวณเนื้อที่ได้ประมาณ 268 ไร่ 65 ตารางวา โดยมีพื้นที่บางส่วนอยู่นอกเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และบางส่วนอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งอยู่ในเขตป่าไม้พุทธศักราช 2484 จึงแจ้งกับ “เสี่ยโบ๊ท" ว่าจะต้องดำเนินการตรวจยึด เนื้อที่รวม 68 ไร่ 65 ตารางวา 

 

สำหรับคดีนี้ ล่าสุดอยู่ในชั้นอัยการจังหวัดราชบุรี เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้างแผ้วทางหรือเผาป่าหรือกระทำด้วยการประการใดอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นเว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ดินที่ได้จำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรมและรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ผิดมาตรา 55 มาตรา 32 ทวิ ตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 34 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2559 มาตรา 26 / 1 มาตรา 26 / 4 และมาตรา 31 มาตรา 35

 

สำหรับ นาย"ธ" หรือ “เสี่ยโบ๊ท” รับสมอ้างเป็นผู้แทนบริษัท "เอ" ที่มีลูกสาวเสี่ย "ก" อดีตเจ้าพ่ออ่าง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ การใส่ชื่อลูกสาวหรือตัวแทนเป็นผู้ถือหุ้น เพราะ เสี่ย "ก" อดีตเจ้าพ่ออ่าง ป้องกันการถูกยึดทรัพย์ กรณีเป็นหนี้ หรือถูกดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินทางแพ่ง ซึ่งปัจจุบัน เสี่ย "ก" อดีตเจ้าพ่ออ่าง ถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินทั้งทางแพ่ง และอาญาตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจากกระทำความผิดฐานค้าประเวณีและค้ามนุษย์ 

 

ดังนั้น การเข้าไปปรับพื้นที่เพื่อประกาศขาย จึงน่าจะเป็นความพยายามผ่องถ่ายทรัพย์สิน เพื่อให้พ้นจากการบังคับคดี อายัด หรือถูกยึดทรัพย์ในคดีฟอกเงิน 

logoline