ความคืบหน้ากรณีที่ ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Ramathibodi Poison Center เตือนภัยเรื่อง "ไส้กรอก" ที่ไม่รู้แหล่งที่มาที่ไป พบเด็กที่กินแล้วป่วยด้วย "ภาวะเมทฮีโมโกลบิน" (Methemoglobin) จำนวน 6 ราย ใน 5 จังหวัด โดยทั้ง 6 ราย มีประวัติกินไส้กรอกซึ่งไม่มียี่ห้อ ไม่มีเอกสารกำกับ อาการของผู้ป่วยคือ คลื่นไว้ เวียนศีรษะ อาจหมดสติได้ เหนื่อย หายใจเร็ว เขียว ระดับออกซิเจนที่วัดปลายนิ้วต่ำ พร้อมเผยภาพตัวอย่างไส้กรอกที่เด็กกินแล้วป่วย
จนนำมาสู่กระแสการแจ้งเตือนผู้ที่มีบุตรหลานผ่านโซเชียลเกี่ยวกับการนำ "ไส้กรอก" ที่ไม่รู้แหล่งที่มาที่ไป มาให้บุตรหลานกิน
รวมถึง กรมควบคุมโรค ได้ออกมาเตือนผู้ปกครอง ว่า ต้องซื้อไส้กรอกต้องได้รับรองจาก อย. ไส้กรอกที่ไม่มียี่ห้อหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจมีการใช้ไนเตรทและไนไตรท์ในผลิตภัณฑ์ไส้กรอก หลังพบเด็กป่วยด้วยภาวะเมทฮีโมโกลบิน แนะให้ยึดหลัก "สุก ร้อน สะอาด" ปลอดภัยห่างไกลโรค
ล่าสุดวันนี้ (2 ก.พ.) นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ร่วมกับ อย. และกองระบาดวิทยาและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่มีผู้ป่วยพบว่า น่าจะมีแหล่งผลิตที่จังหวัดชลบุรี ดังนั้น อย. จึงร่วมกับ ปคบ. และ สสจ.ชลบุรี ลงพื้นที่โรงงานเป้าหมายที่ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พบนางสาวรักทวี ขุนแพง แสดงตนเป็นเจ้าของกิจการ
ตรวจสอบพบว่า เป็นสถานที่ที่ไม่ได้ขออนุญาตขึ้นทะเบียนผลิตผลิตภัณฑ์ แต่ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น หมูยอ เป็นต้น โดยวันนี้ที่เข้าไปไม่พบการผลิต แต่พบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเสร็จแล้วอยู่ในถังแช่แข็งเพื่อรอจำหน่าย เจ้าของโรงงานรับว่า เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไส้กรอกตามที่เป็นข่าวจริง แต่หลังเป็นข่าวก็ได้เลิกผลิตแล้ว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ผลิต พบฉลากผลิตภัณฑ์ไส้กรอก และวัตถุดิบหลายรายการ โดยฉลากดังกล่าวไม่ได้แจ้งเลขสารบบอาหาร ถือเป็นฉลากไม่ถูกต้อง ส่วนสถานที่ผลิตก็ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน GMP ได้คะแนนการประเมินเพียง 16.6% เท่านั้น มีข้อบกพร่องหลายเรื่อง
“กรณีมีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร เนื่องจากพบปริมาณไนไตรท์เกินมาตรฐาน พบว่า มีการใช้แรงงานคนตักสารไนไตรท์โดยการกะเกณฑ์คร่าวๆ ไม่ได้มีการชั่ง ตวงหรือวัดตามมาตรฐาน แต่ตักใส่ๆ ทำให้ปริมาณไนไตรท์เกินค่าความปลอดภัย” ขณะนี้สั่งปิดโรงงาน และอายัดผลิตภัณฑ์อาหารไว้ทั้งหมดและจากการสอบถามเพิ่มเติมพบว่า มีการส่งผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านี้ไปที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะกระจายไปยังทั่วประเทศต่อ แต่ไม่ได้มีการซัดทอดว่ามีแหล่งผลิตที่อื่นอีก
โรงงานแห่งนี้ มีกำลังการผลิต 11 แรงม้า พนักงาน 8 คน ไม่เข้าข่ายโรงงานตามกฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม และไม่เข้าข่ายการขอขึ้นทะเบียนอาหารของ อย. เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งความผิด 3 ประเด็นคือ 1. เรื่องสถานที่ผลิตไม่ผ่าน GMP ปรับ 1 หมื่นบาท 2. การใช้ฉลากไม่ถูกต้อง ไม่มีอย.ปรับ 3 หมื่นบาท และ 3. เก็บสินค้าส่งตรวจแล็บเพื่อตรวจหาสารเคมีปนเอน ทั้งไนไตรท์ เบนโซอิกแอซิด และสีผสมอาหาร หากพบว่ามีค่าเกินมาตรฐานก็จะมีความผิดเรื่องอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท
นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า ได้ให้ สสจ.แต่ละจังหวัดไปตรวจสอบทั่วประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ก็พบอีกหลายแห่ง และดำเนินการสืบหาแหล่งผลิต สำหรับประชาชนการสังเกตรูปลักษณ์อาจจะเห็นความผิดปกติยาก จึงขอให้ดูฉลากผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่มักเขียนระบุว่าเป็นไส้กรอกอะไร มีรูปพรีเซ็นเตอร์ แต่ไม่มีตรา หรือเลขสารบบ อย. จึงขอให้สังเกต เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ อาหาร หรือพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ