ศึกการปลดอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ยังไม่จบ หลังจากศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเมื่อ 17 ม.ค. 2565 ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ฟ้อง กับสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง และพวก กรณีมติสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง วันที่ 24 ธ.ค.2564 ถอดถอน ดร.สืบพงษ์ พ้นจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว มีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองของสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง วันที่ 24 ธ.ค. 64 รวมทั้งคำสั่งสภามหาวิทยาลัยที่ออกตามมา ที่ให้ถอดถอน ดร.สืบพงษ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2564 ศาลให้ทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว บอกไว้ว่า การถอดถอน ดร.สืบพงษ์ เป็นคำสั่งทางปกครองที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดี แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการสืบสวนสอบสวนถึงการกระทำความผิด และแจ้งให้ ดร.สืบพงษ์ ได้มีโอกาสรับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอเพื่อโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานเพื่อแก้ข้อกล่าวหา
นอกจากนั้น ดร.สืบพงษ์ เพิ่งดำรงตำแหน่งอธิการบดี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2564 และถูกสภามหาวิทยาลัยฯ ลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียง 3 เดือน ถือว่าเพิ่งได้เริ่มปฏิบัติงาน และยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งว่าการกระทำของผู้ฟ้องคดีเป็นการกระทำอันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนหรือไม่ ในชั้นนี้จึงเห็นว่า มติของสภามหาวิทยาลัย รวมทั้งคำสั่งถอดถอนที่ออกตามมาน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย
คำสั่งศาลปกครอง ยังชี้ด้วยว่า มติสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่งตั้งผู้รักษาการแทนอธิการบดี นั้น ไม่มีอำนาจเต็มในการบริหารมหาวิทยาลัย เท่ากับผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี
การปลด ดร.สืบพงษ์ ทำให้นักศึกษาหลายคนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในรั้วพ่อขุนรามคำแหง ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ปลดอธิการบดี แบบฟ้าผ่ามาก่อน ทำให้รู้สึกสงสัยว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น กลุ่มองค์การนักศึกษาได้มีการไปสืบหาข้อมูล จนทราบว่ามีการกระทำการบางอย่างเพื่อปลด ดร.สืบพงษ์ ออกจากตำแหน่ง