ถกเดือด “กัญชา” ปลดล็อกยาเสพติด ปปส.โดนถล่มเละ

กรณีความเห็นแตกต่างในประมวลกฎหมายยาเสพติด 2564 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเห็นว่าประชาชนทั่วไปยังไม่สามารถปลูกกัญชาได้ หากฝ่าฝืนถือว่าผิดกฎหมายและต้องถูกดำเนินคดี ขณะที่พรรคภูมิใจไทยผู้ผลักดันนโยบายกัญชาเสรียืนยันว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติดไม่ได้มีเนื้อหากำหนดกัญชาเป็นเสพติด ดังนั้นประชาชนทั่วไปสามารถปลูกได้โดยถูกกฎหมาย

ล่าสุดในวันนี้ มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด โดยมีหลายภาคส่วนเกี่ยวข้องเข้าประชุม เพื่อถกเถียงหาข้อสรุปประเด็นดังกล่าว โดยจะมีวาระเพื่อพิจารณาสำคัญคือ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 พ.ศ. … เพื่อพิจารณาถอดกัญชา และกัญชง ออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเพิ่มการเข้าถึงให้มีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดตั้งแต่แรก ขณะนี้กฏหมายยาเสพติดอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน แต่เจ้าหน้าที่ยังยึดติดกับกฏหมายเดิมอยู่ จึงขอให้ชะลอจับหากชาวบ้านปลูกเพียงไม่กี่ต้น โดยเฉพาะเพื่อการรักษาตัวเอง ยืนยันวิธีคิด ปปส. นั้นผิด เนื่องด้วยประมวลกฏหมายยาเสพติดมาตรา 29 ไม่ได้ระบุชื่อ “กัญชา” เป็นยาเสพติด แต่ปปส. ยังอ้างกฏหมายเดิมอยู่

ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความเห็นแย้งระหว่างฝ่ายกฏหมายและฝ่ายปฏิบัติ ยืนยันว่าต้องมีประกาศก่อนค่อยถอน คดีต่างๆที่ถูกจับไปแล้ว อยู่ที่อัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ และอยู่ที่การพิจารณาของศาล โดยต้องการให้มีข้อสรุปโดยเร็ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรอความชัดเจนอยู่

นายเทวัญ ธานีรัตน์ ผอ.กองการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า ในอดีตมีการใช้กัญชาอย่างแพร่หลายและใช้มายาวนาน จากข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่า กัญชามีอันตรายน้อย แต่กลับมีสารเคมีที่มีประโยชน์  พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าสาร THC อยู่ในช่อดอกตัวเมีย ทำไมต้องห้ามทั้งต้น สุราอันตรายกว่ากัญชาเยอะ ดังนั้นควรทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

ทั้งนี้ตามประมวลกฏหมายใหม่ สาร THC เป็นสารควบคุม เช่นเดียวกับคาเฟอีน แต่น้ำอัดลมหรือกาแฟกลับไม่ผิดกฏหมาย ขอให้ปปส. พิจารณาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

ด้านปปส. นำโดย นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาปปส. ยืนยัน กัญชายังเป็นยาเสพติดให้โทษอยู่ แม้กัญชาจะไม่มีการระบุใน พรบ.ยาเสพติดประเภท 5  แต่ไม่ได้แปลว่ากฏหมายนี้ไม่ได้บัญญัติว่าไม่เป็นยาเสพติด กฏหมายฉบับนี้ไม่ขัดแย้ง

ทั้งนี้ ปปส.เข้าใจว่าเป็นนโยบายเสรีทางการแพทย์ สนับสนุนมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว  แต่หากใช้ผิดวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ คงต้องดูกฏหมายควบคุมการปลูก และหากอนาคตรัฐบาลมีมติถอดกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด จะขัดกับอนุสัญญาระหว่างประเทศหรือไม่ ทั้งนี้ปฏิเสธตอบคำถามนายศุภชัยที่ว่า ต้องการให้มีการระบุ “กัญชา” ในพรบ.ยาเสพติดประเภท 5 หรือไม่ เพียงตอบแค่ว่า "หากบรรจุเพิ่ม ต้องใช้ทางการแพทย์เท่านั้น"

ทั้งนี้เมื่อมีการพิจารณาเห็นชอบ(ร่าง) ประกาศดังกล่าวแล้ว ก็จะยกร่างต่อไปเพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ส. เห็นชอบอีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมกันในวันที่ 25 มกราคมนี้