ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดคุกคามชาวโลกรวมถึงคนไทยด้วยนั้น ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายด้าน การใช้ชีวิตของประชาชนต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายต่อการดำเนินชีวิตในสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยเช่นนี้ ส่งผลให้ตั้งแต่ปลายปี 2564 มาจนถึงต้นปี 2565 ชีวิตคนไทยมีค่าเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าสินค้าอุปโภค บริโภค พาเหรดกันขึ้นราคา สวนทางอัตราค่าแรงที่ยังเท่าเดิม
เราลองมาไล่เรียงดูกันหน่อย อะไรที่ปรับขึ้นราคาแล้ว และเตรียมขึ้นราคาในช่วงนี้บ้าง
เนื้อหมู
ราคาทะลุ 220-250 บาทต่อกิโลกรัม ปรับตัวขึ้นมา 50-60 บาทต่อกิโลกรัม สูงสุดในรอบ 10 ปี สาเหตุมาจากผลผลิตที่ลดลง ส่วนหนึ่งมาจากผู้ประกอบการขาดความมั่นใจ และแรงจูงใจ เนื่องจากสถานการณ์โควิด ความต้องการบริโภคหมูในประเทศลดลง ต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น อีกสาเหตุที่สำคัญคือ อัตราการสูญเสียจากการเลี้ยง จากโรคพีอาร์อาร์เอส โรคท้องร่วงติดต่อในสุกร และโรคอหิวาต์สุกร
ไข่ไก่
สมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ออกประกาศ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม 0.20 บาท จากฟองละ 2.80 เป็น 3.00 บาท หรือคิดเป็นราคาปรับขึ้น 6 บาทต่อแผง โดยการปรับครั้งนี้เท่ากันทุกไซซ์ทุกเบอร์ เนื่องจากต้นทุนค่าอาหารสัตว์ที่แพงขึ้น
เนื้อไก่ -เป็ด
สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ แจ้งปรับขึ้นราคา ไก่หน้าฟาร์ม เป็น 37-39 บาท/กก. ขึ้นมา 3-5 บาทหลังต้นทุนเพิ่ม ราคาอาหารสัตว์พุ่ง 30-40% คนหันมากินไก่แทนหมูราคาจึงสูงตามไปด้วย
ปัจจุบันราคาไก่ทั้งตัว เฉลี่ยต่อกิโลกรัมอยู่ที่ 80 บาท อกไก่ 75 บาท น่องไก่ 65 บาท คาดว่าราคาน่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการในตลาด ในระหว่างรอผลผลิตเนื้อหมูจากการเลี้ยงรอบใหม่อีกระยะหนึ่ง
ล่าสุด เนื้อเป็ดปรับขึ้นราคาอีก 10 บาท/กก. เนื่องจากต้นทุนอาหารสัตว์แพงขึ้นเช่นกัน
น้ำมัน
ขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในวันอังคาร หลังจากราคาร่วงลงเล็กน้อยไป 2 วัน จากความเสี่ยงจะกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากตลาดรอนโยบายจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และในขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันบางรายยังคงพยายามดิ้นรนเพื่อเพิ่มผลผลิต โดยภาพรวมตลาดน้ำมันยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน สามารถบบรรลุข้อตกลงเรื่องการตรึงปริมาณการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยวันนี้ (11 ม.ค.) ปรับขึ้นทุกชนิด 20 – 40 สต./ลิตร
น้ำมันพืช
เนื่องจากช่วงนี้ปริมาณปาล์มมีน้อย ลดจาก 30% เหลือ 20% ทำให้น้ำมันพืชต้องปรับราคาขึ้นขวดละ 3-5 บาท
ทางด่วน
ปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 64 บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม (BEM) ประกาศปรับขึ้นค่าผ่านทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร (จตุจักร-ตลิ่งชัน) ระยะทาง 16.7 กิโลเมตร (กม.) เพิ่มขึ้นอีก 15 บาท
รถ 4 ล้อ ขึ้น 15 บาท คือปรับจาก 50 บาท เป็น 65 บาท รถ 6-10 ล้อ ขึ้น 25 บาท จาก 80 บาท เป็น 105 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับขึ้น 35 บาท ปรับจาก 115 บาท เป็น 150 บาท
สำหรับการปรับอัตราค่าผ่านทางครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นทุก ๆ 5 ปี ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 15 ธันวาคม 2564 โดยการทางพิเศษฯ ต้องทำตามสัญญาสัมปทาน มิเช่นนั้นอาจจะถูกฟ้องร้องได้
ส่วนที่กำลังรอขึ้นก็จ่อคิวเป็นแถว
ค่าเรือ คลองแสนแสบ
ตรึงราคาเดิมต่อไม่ไหว ประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารระยะละ 1 บาท จากท่าวัดศรีบุญเรือง ถึง สะพานผ่านฟ้า เริ่ม 14 ม.ค. นี้ ผู้ประกอบการอ้างน้ำมันดีเซลพุ่งไม่หยุด ตรึงค่าโดยสารเดิมต่อไม่ไหวแล้ว ไม่งั้นธุรกิจก็ไปไม่รอดเช่นกัน
ค่าไฟฟ้า เริ่มรอบบิล ม.ค.-เม.ย.65
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เคาะปรับขึ้นค่าเอฟทีปี 2565 แบบขั้นบันได ทยอยเพิ่มค่าเอฟทีประจำงวด ม.ค.-เม.ย. 2565 ที่ 16.71 สตางค์ รับภาวะราคาพลังงานขาขึ้น ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.63 รับภาวะราคาพลังงานขาขึ้น หลังตรึงค่าเอฟทีรับมือโควิด-19 นานกว่า 2 ปีแล้ว
ก๊าซหุงต้ม
กระทรวงพลังงานไฟเขียวขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) โดยราคา 318 บาทต่อถัง (ขนาด 15 กิโลกรัม) จะสิ้นสุดเดือน ม.ค.นี้ หลังจากนั้นจะทยอยปรับขึ้นราคาแบบขั้นบันได เพื่อลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาเรื่องตัวเลข
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทยอยปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ แต่เชื่อว่าจะมีสินค้าอุปโภค บริโภคชนิดอื่นปรับตัวตามกันเป็นวงล้ออีกหลายรายการ จนเกิดคำพูดติดปากชาวบ้านในขณะนี้ว่า ปรับขึ้นทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นค่าแรง !!