10 มกราคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุ ถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด- 19 ว่า จากการสุ่มตัวอย่างสายพันธุ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา พบเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ร้อยละ 35 .17 ยอดรวมสะสม ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 5,397 ราย
ทั้งนี้ พบสายพันธุ์โอมิครอน แล้ว 71 จังหวัด โดยมี 6 จังหวัดที่ยังไม่พบการรายงาน ได้แก่ น่าน ตาก ชัยนาทอ่างทอง พังงาน ราธิวาส
โดย 10 จังหวัดที่พบสายพันธุ์โอมิครอน เกิน 100 ราย อันดับ 1 คือ กรุงเทพฯมหานคร ในจำนวนนี้พบในกลุ่มที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าไทย เช่นเดียวกับที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนจังหวัดในภาคอีสานเป็นการพบสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศ
สำหรับ 10 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เกิน 100 ราย ได้แก่กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ภูเก็ต กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานีมหาสารคาม อุดรธานี ขอนแก่น
ย้ำการตรวจ เชื้อโควิด-19 เพื่อดูสายพันธุ์ขณะนี้ ยังเป็นการตรวจเฉพาะเจาะจง ซึ่งกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าไทย แล้วพบติดเชื้อโควิด-19 จะมีการตรวจหาสายพันธุ์ทุกคน โดยพบร้อยละ 90 เป็นสายพันธุ์โอมิครอน การตรวจหาสายพันธุ์ไม่ได้แยกผู้ป่วย แต่เพื่อดูสถานการณ์การระบาดภาพรวมของประเทศ ไม่จำเป็นต้องตรวจหาสายพันธุ์ทุกคนที่ติดเชื้อ
ส่วนการรายงานพบ เดลต้าครอน นายแพทย์ศุภกิจ ระบุว่า รายงานจากประเทศไซปรัส ส่งข้อมูลไปให้ GSAID จีเซท 24 ตัวอย่าง เป็นการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และพบว่าในจำนวนตัวอย่างนั้น มีการกลายพันธุ์ทั้งเดลต้า และ โอมิครอน ด้วยกัน
เมื่อเอาข้อมูลมาดูพบว่าเป็นจริงตามรายงาน แต่ส่วนที่เป็นโอมิครอน เหมือนกันกับ 24 ตัวอย่าง แต่ส่วนที่เป็นเดลต้ามีความแตกต่าง นัยยะสำคัญ คือ หากเป็นสายพันธุ์ใหม่ เดลต้าครอน คงต้องตรวจเชื้อเจอทั้ง 2 ชนิด ดังนั้น 24 ราย ของไซปรัส พบว่า มีรหัสพันธุกรรมแตกต่างกัน แต่มีโอมิครอน เหมือนกันหมด ทำให้ 24 ราย ยังจัดชั้นการค้นพบอยู่ในสายพันธุ์เดลต้า
ข้อมูลดังกล่าวน่าจะเกิดจากการปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ สารพันธุกรรมของเชื้อโอมิครอนในตัวอย่างผู้ติดเชื้อเดลต้า ซึ่งเป็นไปได้มากที่สุดทำให้พบ 2 สายพันธุ์ในตัวอย่างเดียวกัน ส่วนการติดเชื้อร่วมหลายสายพันธุ์ในคนเดียวมีโอกาสน้อยมาก ซึ่งจากข้อมูล โอกาสที่เกิดจากสายพันธุ์ผสมในตัวอย่างเดียวกัน หรือ "ไฮบริด" หรือสายพันธุ์ใหม่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก
ส่วนชุดตรวจ ATK กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้นำชุดตรวจ ATK ที่ผ่านการอนุมัติ อย.100 กว่าชนิด สุ่มมา 8 ยี่ห้อ พบว่าผลการทดสอบชุดตรวจจำนวน 8 ยี่ห้อ ชุดตรวจทุกชุดสามารถตรวจจับเชื้อโควิด-19 ได้ และปัจจุบันยังไม่มีชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่ตรวจหาสายพันธุ์โอมิครอนเฉพาะ
ส่วนการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อโควิด-19 หากเป็นผู้สงสัยติดเชื้อ จะเริ่มด้วยการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ก่อน หากพบผลบวกไม่มีอาการหรืออาการน้อย และไม่มีความเสี่ยงทางการแพทย์ ก็จะเข้าสู่ระบบการรักษาตัวที่บ้าน และศูนย์พักคอยชุมชน แต่หากมีอาการหรือมีความเสี่ยงทางการแพทย์ ก็จะถูกจับตรวจ RT-PCR และเข้าโรงพยาบาล หากผลเป็นลบ ไม่มีอาการแต่มีประวัติเสี่ยง ก็จะต้องเฝ้าสังเกตอาการตัวเองกักตัวเอง และให้ตรวจ ATK ทุก 3 วันหรือเมื่อมีอาการ แต่หากไม่มีความเสี่ยงก็ให้ปฏิบัติตนเองตามมาตรการสาธารณสุข