เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวเรื่อง "คนจนขโมยพันบาท ติดคุกหัวโต คนรวยปล้นพันล้านบาท ใช้ชีวิตไฮโซ" โดยมีรายละเอียดว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เอ่ยปากจะกลับบ้านทีไรก็สะเทือนทั้งแผ่นดิน อย่างเช่นอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่มหาเศรษฐีหนีคดีบางคนกลับเมืองไทยมาได้อย่างเงียบ และใช้ชีวิตสุขสบาย คนไทยเราคุ้นเคยกับ “บุคคลต่างแดน” ในคดีการเมืองทั้งหลายแหล่เป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าพวกเขาจะโดนข้อหาอะไร การดำเนินคดีควรเป็นไปภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรมในระบบประชาธิปไตย ไม่ใช่กฎหมายที่บิดเบือนภายใต้กระบอกปืนของเหล่านายพล แต่สิ่งที่เราไม่ค่อยพูดถึงกัน คือการหนีไปต่างแดนของผุ้ซึ่งต้องคดี “อาชญากรรมคอปกขาว” (white-collar crime) ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบัญชี ทําธุรกรรมทับซ้อน ฟอกเงิน หลอกลวงให้ลงทุน และอื่นๆ และการกลับมาเมืองไทยใช้ชีวิตสุขสบายเพราะคดีสิ้นอายุความ ซึ่งสะท้อนไปถึงความเหลื่อมล้ำของสังคม คนจนขโมยพันบาท ติดคุกหัวโต คนรวยปล้นพันล้าน ใช้ชีวิตไฮโซ และสะท้อนถึงความ(ไม่)มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ เพราะระบบเศรษฐกิจของเราขาด “accountability”
นายวรนัยน์ กล่าวต่อว่า วิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 เริ่มที่ประเทศไทย เศรษฐกิจพังระเนระนาดเป็นลูกโซ่ไปทั้งทวีป บริษัทปิดกิจการ ผู้คนล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัว บ้างต้องฆ่าตัวตายเพราะแบกภาระไม่ไหวในช่วงนั้น ปิ่น จักกะพาก เจ้าของฉายา “พ่อมดการเงิน” เป็นผู้บริหารบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอกธนกิจ หรือ “ฟินวัน” ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กล่าวโทษนายปิ่นและอีกสองผู้บริหาร ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทำทุจริตในการอนุมัติสินเชื่อ สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรฐกิจ นายปิ่นได้หลบหนีคดีไปอยู่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 15 ปี ใช้ชีวิตสุขสบายเพราะเป็นมหาเศรษฐี คดีหมดอายุความเมื่อต้นปี 2555 ทุกวันนี้ใช้ชีวิตสุขสบายในเมืองไทยเพราะเป็นมหาเศรษฐี เฉกเช่นเหล่าบุคคลต่างแดน ผิดหรือไม่ผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมายที่เป็นธรรม แต่ถ้ากฏหมายมีช่องโหว่ เราควรแก้ไขที่กฏหมาย
"หลักการของอายุคดีความ คือการให้ความเป็นธรรมต่อจำเลยด้วยการดำเนินคดีในระยะเวลาที่อันควร ไม่ใช่ลากยาวเหยียดเป็น 10 ปี ซึ่งจําเลยอาจไม่มีความผิดจริง แต่ต้องมาเสียเงิน เวลา และชื่อเสียง เพื่อสู่คดีความ หมายความว่า กระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ ต้องไม่ล่าช้า แต่ช่องโหว่ของกฎหมาย คือ คนจนไม่มีที่ไป แต่มหาเศรษฐีหนีไปใช้ชีวิตไฮโซที่อื่นได้ หมดอายุความก็กลับมาไฮโซที่เมืองไทย"
อีกผลกระทบคือ อนาคตเศรษฐกิจของประเทศ แบคกราวนด์ของผมคือนักข่าวนักวิจารณ์ภาคภาษาอังกฤษ มีนักลงทุนต่างชาติขอปรึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยตลอดเวลา พวกเขามีความกังวลอยู่ 3 ปัจจัยหลัก: อาชญากรรมคอปกเขียว (รัฐประหาร) ทุจริตคอรัปชั่น และความไม่มี accountability พวกเขาไม่ได้ห่วงโจรข้างตึกปล้นหลักพัน พวกเขาห่วงโจรใส่สูทปล้นหลักพันล้าน แต่ลอยนวลได้เพราะช่องโหว่ของกฎหมาย พวกเขาเป็นห่วงความเสี่ยงของเงินลงทุนของตน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นทวีปที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น เงินทุนอยากหลั่งไหลเข้ามา แต่มีหลายเหตุผลที่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน เหตุผลที่สำคัญอันหนึ่งคือ ความไม่มี accouability ของประเทศเรา
"พ่อมดการเงินจะมีอีกเรื่อยๆ ถ้ารัฐไม่มีวิธีป้องกัน เพราะฉะนั้น สิ่งที่รวมไทยยูไนเต็ดต้องการผลักดันคือ อายุคดีความต้องไม่ครอบคลุมการหนีคดี เพราะการหนีคดีคือการโกงกระบวนการยุติธรรม และรวมไทยยูไนเต็ดจะติดตามกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะต้องมีการผลักดัน นี่คือ accountability การรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งกฎหมายและวัฒนธรรมของประเทศไทยควรมี"