อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ นิพัฒน์ เนื้อนิ่ม ระบุ มาตรการห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตชั่วคราว 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 5 เมษายน 2565 และให้ผู้เลี้ยงสุกรที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว และห้องเย็นที่เก็บสต็อกเกิน 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ต้องแจ้งสต็อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาทุก 7 วัน ถือเป็นเพียงการแก้ปัญหาในระยะสั้น ขณะที่ราคาขายหมูในประเทศสูงอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องส่งออก
โดยปกติไทยส่งออกหมูไม่เกิน 5% และเป็นหมูปรุงสุกที่มีโรงงานได้มาตรฐาน EST ไม่เกิน 10 โรง ซึ่งเป็นรายใหญ่ที่มีเครือข่ายเลี้ยงหมูอยู่ในต่างประเทศ เมื่อดูราคาหมูในประเทศขณะนี้ไม่จำเป็นต้องส่งออก และโดยปกติก็ไม่ส่งออกอยู่แล้ว
วันนี้วิกฤตเกิดกับผู้เลี้ยง ต้องหาวิธีแก้ให้ผู้เลี้ยงกลับมาได้ แต่การรีบอร์นไม่ได้ง่าย ต้องมีวิธีการส่งเสริม ต้องมีรูปแบบและวิธีการที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดโรคระบาดซ้ำก็เป็นปัญหาอีก ซึ่งโดยหลักการอาจต้องนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศเพื่อแก้วิกฤติ ซึ่งอยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ หรือพิกบอร์ด ซึ่งมีมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคและผู้เลี้ยงสุกรในประเทศ
ส่วนการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรในประเทศ ควรจัดหาแหล่งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินของรัฐมาช่วยสนับสนุนเกษตรกร ซึ่งการกลับมาเลี้ยงใหม่ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะวงจรชีวิตของหมูจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 9 เดือน