svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"อนุทิน" ย้ำจำเป็นต้องยกระดับมาตรการคุมโควิด

06 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"อนุทิน" ย้ำจำเป็นต้องยกระดับมาตรการ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด -19 เพิ่มสูง คาด 7-10 วัน จะสามารถประเมินสถานการณ์การระบาดรอบนี้

6 มกราคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จากการที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มีการแถลงข่าวยกระดับเตือนภัยโควิคเป็นระดับ 4  ว่า เป็นไปตามนั้น 

 

โดยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดหลังเทศกาลปีใหม่ ยังคงต้อง7-10 วัน ต่อจากนี้หลังช่วงปีใหม่ ซึ่งจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนตามที่มีการคาดการณ์ไว้ / แต่ต้องคอยดูในกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง โรคประจำตัว ที่จะมีอาการหนัก ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต้องใช้ห้องไอซียูหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไน  ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว แต่ก็หวังว่าผู้ป่วยในกลุ่มอาการหนักจะไม่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ได้มีการฉีดวัคซีน covid 19 แล้ว 

"อนุทิน" ย้ำจำเป็นต้องยกระดับมาตรการคุมโควิด

ซึ่งการระบาดระลอกรอบนี้จะสามารถรักษาระดับของผู้ป่วยติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิตได้มากน้อยแค่ไหน หากอยู่ในระดับที่ไม่เพิ่มขึ้น ก็จะเป็นไปตามคาดการณ์อัตราการแพร่ระบาดปกติ ซึ่งอาจจะทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว 

ส่วนการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในระบบว่า ขอให้เป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งหากเป็นกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการเหลือกันน้อยก็จะเข้าสู่การรักษาตัวที่บ้าน ต้องเก็บเตียง เก็บอุปกรณ์การแพทย์  รักษาบุคลากรทางการแพทย์ สำหรับการดูแลผู้ป่วยอาการหนัก ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันนี้ยังไม่มีอาการ 

 

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ ว่าเข้าสู่การระบาดระลอก 5 แล้วหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า มีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมเท่าที่จะทำได้ โดยมองว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย 

"อนุทิน" ย้ำจำเป็นต้องยกระดับมาตรการคุมโควิด

ส่วนความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดและจะนำไปสู่การล็อกดาวน์อีกครั้ง นายอนุทินระบุไม่ชัดเจน เพียงแต่บอกว่า ไม่สามารถบอกอะไรได้อย่างชัดเจนว่ าจะมีมาตรการอะไรที่แน่นอนในตอนนี้ ซึ่งต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ ซึ่งทางกรมควบคุมโรคก็จะเสนอขอการพิจารณายกระดับพื้นที่ ให้เป็นสีส้ม ซึ่งจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจัยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมกลุ่มกัน เป็นจุดที่แพร่เชื้อมากที่สุด ซึ่งต้องแก้ไขในส่วนนี้ 

รวมถึงเรื่องการเข้าประเทศระบบ Test & Go ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขอเข้ามาแล้ว ซึ่งอยู่ในระบบค้างท่อ ที่ตอนแรกกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้กลุ่มนี้เดินทางเข้ามาภายใน 10 มกราคม  ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ขอให้พิจารณาใหม่ ขยายระยะ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสนอขยายระยะเวลาเข้าประเทศภายใน 15มกราคม และหากเข้าเกินวันที่ 15 มกราคมนี้ จะต้องเข้าระบบแซนด์บ๊อกซ์ และระบบกักตัว 7-10 วันแทน โดยศบค.จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง  เชื่อว่าผู้ประกอบการจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น   

 

ที่สำคัญได้กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยว คัดกรองนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจริงๆ ไม่แสดงใบประกันสุขภาพปลอม เพื่ออยากเข้าประเทศ 

"อนุทิน" ย้ำจำเป็นต้องยกระดับมาตรการคุมโควิด

สำหรับจังหวัดที่เข้าระบบแซนด์บ๊อกซ์ นอกจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อไม่ให้ภูเก็ตรองรับหนักเกินไป  ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) / จังหวัดชลบุรี (เกาะล้าน) / จังหวัดระยอง (เกาะเสม็ด) / จังหวัดตราด (เกาะช้าง และเกาะกูด) / จังหวัดพังงา (เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ไม่รวมเขาหลัก) / และ จังหวัดกระบี่ (เช่น เกาะพีพี)

 

นายอนุทิน ระบุอีกว่า สุขภาพชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ความสูญเสียอวัยวะเรียกคืนไม่ได้ แต่เรื่องการทำมาหากินก็สำคัญ อย่างน้อยเราต้องเอาสุขภาพเป็นสำคัญก่อน เพื่อที่จะสามารถไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ 

 

ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารีย์ เลขาธิการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (เลขา สปสข.) ระบุว่า ขณะนี้ได้มีการยกระดับสายด่วน 1330 เพื่อเป็นการจับคู่ผู้ป่วยเข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน และศูนย์พักคอยในชุมชนที่มีความพร้อม สายเข้าได้พร้อมกันถึง 3,000 สาย มีผู้รับโทรศัพท์ 300 คน 

 

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้ขอเตียงทั้งหมด 1,709 คน ซึ่งนำเข้าระบบแล้ว โดยทางกรมการแพทย์ ยืนยันแล้ว ภายใน6 ชั่วโมงจะนำเข้าระบบ วันนี้จะมีการทดสอบระบบซึ่งจะเป็นการนำหุ่นยนต์ ยิงเข้าระบบ สองหมื่นกว่าสายพร้อมกัน ว่าศักยภาพ ในการรับสาย สามารถรับเข้าระบบภายใน6 ชั่วโมงได้จำนวนเท่าไหร่ ขอให้ความมั่นใจ กับประชาชนว่าระบบมีความพร้อมหน่วยบริการมีความพร้อม ยืนยันไม่ว่าจะเป็นการรักษาตัวที่บ้าน การให้บริการ รักษา เหมือนกับที่โรงพยาบาล ไม่ได้ปล่อยให้ประชาชนรักษาที่บ้าน ด้วยตัวเอง  ซึ่งจะมี ยา เวชภัณฑ์ จัดส่งให้. 

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ครม. อนุมัติวงเงินเพิ่มเติม 31,000 ล้านบาท  ให้กับ สปสช. ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายโควิดทั้งหมด  รวมถึงค่าใช้จ่ายใน Hospitel  โดยยอมรับว่า ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา มีการของบสุขภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม ปีละ 2-3 ครั้ง

"อนุทิน" ย้ำจำเป็นต้องยกระดับมาตรการคุมโควิด

logoline