
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยินดีกับกระแสตอบรับจากประชาชน พอใจมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 ปี 2564 ของรัฐบาล โดยทั้ง 4 โครงการ คือ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 , โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ,โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สิ้นสุดระยะเวลาการใช้จ่ายไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564
กระทรวงการคลัง รายงานตัวเลขการใช้จ่ายมีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการรวม 41.5 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 254,281.7 ล้านบาท ช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 ประมาณ 13.55 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสม 24,010 ล้านบาท ส่วนโครงการเพิ่มกำลังซื้อ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.51 ล้านรายใช้จ่ายสะสม 2,183.3 ล้านบาท ,โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 26.35 ล้านราย มีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ 4,500 บาท กว่า 10.87 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 223,921.8 ล้านบาท ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 91,952 ราย ยอดใช้จ่ายสะสมส่วนประชาชน 3,827.4 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังบอกต่อว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังมีมาตรการช้อปดีมีคืน 2565 ซึ่งเริ่มต้น 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้า และค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือ e-Book และสินค้า OTOP ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี 2566 โดย ผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่เพิ่งสิ้นสุดโครงการไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.64 สามารถไปใช้โครงการสิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้ และล่าสุด ครม. ได้เห็นชอบโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 มอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทยแล้ว
“กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการและการปรับปรุงระบบ “คนละครึ่งเฟส 4” ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค.- 30 เม.ย.2565 ซึ่งเบื้องต้นผู้ได้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” จำนวน 27.98 ล้านราย ต้องกดยืนยันตนอีกครั้ง ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ส่วนผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนจะต้องสมัครผ่านทางเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com เหมือนที่ผ่านมา” นายธนกรฯ กล่าว