บทจบของขุนพลแนวรบ สิ้นสุดหน้าที่ "สิระ เจนจาคะ"

คุณสิระ มาจากส.ส.โนเนม แต่ในระยะสองปีกับพรรคพลังประชารัฐเป็นส.ส. ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ใช้เวลาระยะสั้นมากในการสร้างชื่อเสียง เป็นประธานกรรมาธิการกฎหมาย เป็นขุนพลแนวรบเชิงรุกของพลังประชารัฐ

ตอนนี้คนที่จะเป็นปากเป็นเสียง ของพรรคพลังประชารัฐทั้งในแง่ของการคัดค้าน การลงมติถูกสอยลงไปทีละคน ตอนนี้กทม.กำลังสร้างคนรุ่นใหม่ จักรพันธ์ พรนิมิตร เป็นส.ส. สมัยแรกกำลังขึ้นหม้อ เป็นหัวหน้าทีมดูแลคัดเลือกส.ส.และส.ก.ในกทม. ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นขุนพลมาทดแทนคุณสิระได้หรือไม่

วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7ต่อ2 ตัดสิทธิ์ทางการเมืองคุณสิระ เจนจาคะ พ้นสภาพทางการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนกันไปทั่ว ก่อนหน้านี้คุณสิระ บอกว่าไม่เคยติดคุก ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วและออกถ้อยแถลงจากการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับหลักฐานที่ไม่เคยเห็นมาก่อนโผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวาน (21 ธ.ค. 64)

ก่อนหน้านี้เราเจอคู่ต่อกรสมน้ำสมเนื้อกับคุณสิระ เจนจาคะ นั่นคือพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เคยพูดว่า "ยืนยันว่าไม่รอด"

เมื่อติดคุกก็ขาดคุณสมบัติการสมัครส.ส. ในเกมทางการเมืองคุณสิระ ประตูนี้ปิดเรียบร้อยแล้วเพราะหลักฐานการติดคุก และคนที่เคยเป็นส.ส. ถ้าเจอแบบนี้หมอบ แต่คุณสิระจะหมอบหรือไม่ ไม่รู้ รู้แค่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 คุณสิระเพิ่งประกาศ 100 สิระ ยังไม่เท่าคุณภรรยา จะส่งภรรยาลงเลือกตั้งเขตดอนเมือง

แต่ตอนนี้แผนที่ดี แผนที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์เสมอ คอยดูถ้าโผลไม่พลิกไม่พลาดคุณสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ จะหนีจากลงดอนเมืองมาลงเขตหลักสี่ ดูแลพื้นที่ของสามีดีกว่าไปสู้รบศึกใหม่ คาดว่าเวลานี้เป็นตัวแทนของคุณสิระ

เดิมทีจะลงในตัวแทนพรรค และพรรคสนับสนุน แต่ตอนนี้ศาลตัดสินให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส. ต้องเลือกตั้งซ่อม

คู่แข่งสำคัญคุณสุรชาติ เทียนทอง รอบที่แล้วแพ้สิระไป 2,753 คะแนน ตอนนั้นเสียงลุงตู่ในกทม.ค่อนข้างดี แต่ตอนนี้อาจจะต่ำกว่าเดิมจะสู้ไหวไหมถ้าส่งภรรยา

ถ้าคะแนนเสียง ความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐลดลงเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นต้องมาจากคะแนนฐานนิยมส่วนตัว ในส่วนของสิระ เจนจาคะ ซึ่งทำงานชุมชนและที่ผ่านมาคุณสิระ ลงทุกพื้นที่ เคยเป็นคนเก็บขวดขายมาก่อนออกมาเป็นเซลล์แมน ดูแลค่ายมวยและออกมาทำธุรกิจบ้านทรงไทย หรือพูดง่ายๆ ใจถึงและพึ่งได้ เพราะฉะนั้นคะแนนฐานส่วนตัวค่อนข้างจะมีอยู่แล้ว

เมื่อมีการถูกตัดสิทธิ์ ส.ส. ทำให้ตอนนี้ ส.ส. ทั้งหมดที่เหลืออยู่ 475 คน

สมมุติการเลือกตั้งรอบนี้ จะเป็นบทพิสูจน์อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรัฐบาล ถ้าพรรคพลังประชารัฐพ่ายศึก และคู่แข่งเป็นพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่นั้น หรือพรรคก้าวไกลเมื่อไหร่ สนามเมืองหลวงจะแปรเปลี่ยนไปอีกมิติ อย่าลืมว่าคนกทม. นโยบายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง กระแสเป็นอีกเรื่องหนึ่ง กระสุนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นเวทีเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ที่ไปทดแทนขุนพลแนวรบ จะเป็นบทสรุปอีกอย่างหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ