นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ลาออกจากตำแหน่ง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อมาเป็นผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคประชาธิปัตย์
โดยจะมีการเปิดตัวในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ว่า การลาออกจากของ ดร.สุชัชวีร์ นั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญเหมือนกับกรณีที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ลาออกจากบริษัท ที.เอ.ออเรนจ์ จำกัด (ปัจจุบันคือ ทรูมูฟ) เพื่อนำประสบการณ์การบริหารงานที่หลากหลาย มาเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ให้คนกรุงเทพมหานครพิจารณาในการเลือกตั้งผู้ว่า ฯ กทม. เมื่อปี 2547
โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ท้ายที่สุดแล้ว นายอภิรักษ์ จะได้รับความไว้วางใจให้มาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จนสร้างผลงานที่ยังอยู่ในความทรงจำของประชาชนฯ จนถึงปัจจุบันนี้
ทั้งนี้ ตนเองได้มีการพูดคุยกันมาบ้างแลัว ก็เห็นว่า ดร.สุชัชวีร์ เป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีแนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนากรุงเทพฯ โดยก้าวไปสู่ความทันสมัยและสมดุลท่ามกลางความหลากหลายของพื้นที่และประชากรของกรุงเทพฯ
โดยเฉพาะ แนวคิดการสร้างทางจักรยานลอยฟ้า โดยอาศัยเส้นทางตามแนวรถไฟฟ้า โดยจัดโครงสร้างและสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ซึ่งจะทำให้ผู้ขี่จักรยานไม่ว่าจะขี่เพื่อสุขภาพหรือเพื่อปฏิบัติภาระกิจในแต่ละวัน
สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ ถือได้ว่า ดร.สุชัชวีร์ มองเห็นถึงปัญหาของการสร้างจักรยานบนถนนในอดีต ที่ในท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ
ก็กลับกลายเป็นอันตรายสำหรับที่ผู้ใช้จักรยานเสียเอง เพราะฉะนั้น ในการเปิดตัว ดร.สุชัชวีร์ ลงสมัครในนามพรรคฯ ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้
ประชาชนก็ได้ทราบถึงแนวทางการบริหารงาน และนโยบายเบื้องต้นของ ดร.สุชัชวีร์ ซึ่งทางพรรคฯ หวังว่า จะเป็น 'ความประทับใจแรก' หรือ เฟิสท์ อิมเพรสชั่น (first impression) ให้กับคนกรุงเทพฯ เพื่อในท้ายที่สุดเมื่อถึงวันเลือกตั้งฯ แล้ว ประชาชนจะสนับสนุนให้ ดร.สุชัชวีร์ เป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้บริหารมหานครแห่งนี้ไปเป็นระยะเวลา 4 ปีนับจากนี้
นายชัยชนะ กล่าวด้วยว่า ส่วนผลโพลล์ที่ระบุว่า ดร.สุชัชวีร์ มีผลสำรวจตามหลังว่าที่ผู้สมัครรายอื่นๆ นั้น ตนเห็นว่า ยังมีเวลาที่จะทำให้ชื่อของ ดร.สุชัชวีร์ เป็นที่รู้จักของคน กทม. มากยิ่งขึ้น โดยอาศัยกลไกของพรรคทั้ง อดีต ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. และ ส.ข. ในพื้นที่ รวมทั้ง การที่ประชาชนคนกรุงเทพฯ เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่เคียงข้างและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนกรุงเทพฯ ไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม
ดังนั้น ตนเห็นว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัครฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมไม่น้อยหน้ากว่าบุคคลอื่นๆ ที่มีชื่อปรากฏทางสื่อว่า มีความสนใจที่ลงสมัครฯ และส่งสัญญาณให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะดูแลคนกรุงเทพฯ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกับที่ประชาชนได้ให้โอกาสกับพรรคฯ ได้มาดูแลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 - 2559 ซึ่งมีผลงานหลายอย่างเป็นที่จดจำของคนกรุงเทพฯ อีกด้วย