นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ และนายรวบ เปรมประสิทธิ์ ประธานสภาองค์กรชุมชนต.อ่าวน้อย ผู้แทนประชาขนรวม 10 คน ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีความเดือดร้อนของประชาชน ในการยื่นขอให้รัฐออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่นิคมสร้างตนเอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรีโดยมีนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน
โดยในเบื้องต้นจะนำความเดือดร้อนของประชาชน เสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และสำนักสอบสวนที่เกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว
สำหรับ กรณีการยื่นขอให้รัฐออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน ในเขตพื้นที่นิคมสร้างตนเอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี นั้น นิคมสร้างตนเอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดตั้งขึ้นตามพ.ร.ฎ.จัดตั้งนิคมสร้างตนเอง พ.ศ.2512 โดยกรมประชาสงเคราะห์ ได้ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.1,น.ค.3) แก่สมาชิกนิคมผู้ที่ใด้รับการอนุมัติจัดสรรที่ดินทำกินจำนวน 5,666 ราย
จำนวน 6,046 แปลง พื้นที่ 180,118 ไร่ และเมื่อถึงระยะตามที่กฎหมายตราไว้ในหมวด 1 บททั่วไป มาตรา 1 แห่งพ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ให้สมาชิกนิคมผู้ได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์แล้วไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินได้
แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา สำนักงานที่ดิน จ.ประจวบศีรีขันธ์ ไม่สามารถดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้สมาชิก
นิคมได้เนื่องจากกรมป่าไม้ แจ้งว่าพื้นที่นิคมสร้างตนเองทับซ้อนกับเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี จึงยังมีสมาชิกนิคมที่
ยังถือครอง น.ค.1,น.ค.3 อยู่อีกหลายพันราย คิดเป็นพื้นที่หลายหมื่นไร่
ทั้งนี้ สภาองค์กรชุมชนตำบลอ่าวน้อย องค์กรจัดตั้งตามกฎหมายองค์กรชุมชน สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และภารกิจตามมาตรา 21 แห่งพ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามการแก้ปัญหาที่ดินดังกล่าว
วันที่ 20 ก.ย. 55 ชาวบ้านผู้เดือดร้อนเข้าร้องเรียนให้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน (ในขณะนั้น) มีนายธาวิน อินทร์จำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 3 และ นายวทัญญ ทิพยมณฑา ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 4 เข้าประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขาวบ้านผู้ร้องเรียนในพื้นที่ ที่ห้องประชุมสถานสงเคราะห์ประจวบคีรีขันธ์ (บ้านประจวบโซค)
ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีชันธ์
ต่อมา ที่ประชุมมีมติให้ผู้รับผิดชอบติดตามการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ให้กรมป่าไม้ ดำเนินการกันเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี ที่ทับซ้อนออกจากพื้นที่นิคมสร้างตนเอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 หมวด 1 การกำหนดป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา "การเปลี่ยนแปลงเขตหรือการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าใด ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้กระทำได้โดยออกกฎกระทรวง และเฉพาะกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเพิกถอนบางส่วนให้มีแผนที่แสดงแนวเขตที่เปลี่ยนแปลง หรือเพิกถอนนั้นแนบท้ายกฎกระทรวงด้วย
ตลอดระยะเวลาหลายปี สภาองค์ชุมชนตำบลอ่าวน้อย ได้พยายามดำเนินการและประสานขอความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายมาเป็นระยะ ได้แก่ นิคมสร้างตนเอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาเพชรบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทั่งปัจจุบันซึ่งจะเข้าสู่ปี 2565
สมาชิกนิคมยังคงได้รับความเดือดร้อน ที่ดินที่ถือครองและใช้ประโยชน์ไม่อาจแบ่งแยกเป็นมรดกให้ลูกหลาน หมดโอกาสในการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนรอนในการยังชีพ คณะกรรมการและสมาชิกสภาองค์กรชุมชน ได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรส่งผู้แทนเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือพร้อมเอกสารประกอบในการเสนอเรื่องร้องเรียนและขอรับความช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง ต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ที่ได้บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 230(1) (2) และ (3) ต่อไป