โดย ไมเคิ่ล คาร์ริค จบภารกิจสุดท้ายด้วยการพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ อาร์เซน่อล 3-2 ก่อนประกาศอำลาทีมพร้อมส่งไม้ต่อให้ ราล์ฟ รังนิก กุนซือชาวเยอรมันเข้ามาคุมทัพต่อไป
ไมเคิ่ล คาร์ริค เปิดใจว่า "ตอนที่ผมเซ็นสัญญาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะคว้าแชมป์ได้มากมายเช่นนี้ ผมจะไม่มีวันลืมความทรงจำอันสุดมหัศจรรย์ทั้งในฐานะนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชอย่างแน่นอน"
"อย่างไรก็ตามภายหลังจากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมได้ตัดสินใจว่าถึงเวลาเหมาะสมที่ผมต้องอำลาสโมสร"
"ผมจะยังเป็นแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอดไป และจะเข้ามาชมเกมให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผมอยากอวยพรให้ ราล์ฟ, สตาฟฟ์, นักเตะ และแฟนบอลทุกคนโชคดีในอนาคต ผมตั้งตารอคอยที่จะได้อยู่บนอัฒจันทร์เพื่อตามเชียร์นักเตะทุกคนในฐานะแฟนบอล"
ด้าน จอห์น เมอร์โทฟ ผู้อำนวยการฟุตบอล "ปีศาจแดง" กล่าวผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ สโมสร ว่า "ในขณะที่เราต่างเสียใจที่เขาอำลาทีม แต่ก็เข้าใจได้ถึงการตัดสินใจของ ไมเคิ่ล เขาจะเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และที่ผ่านมาเร็วๆนี้คือ ในฐานะโค้ชอันยอดเยี่ยมที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยภายใต้ผู้จัดการทีมสองคนเพื่อช่วยพัฒนานักเตะให้แข็งแกร่งซึ่ง ราล์ฟ (รังนิก) จะรับช่วงต่อนับจากนี้"
สำหรับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ย้ายจาก เวสต์แฮม มาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2006 ก่อนค้าแข้งกับทีมจนถึงปี 2018 และขยับขึ้นมาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ ต่อด้วย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และได้ทำหน้าที่ขัดตาทัพหลัง โซลชา ถูกปลดออกไป โดยในช่วงของการเป็นนักเตะ คาร์ริค คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย จากการลงสนามทั้งหมด 464 นัด