ศบค.เผย อาการผู้ติดเชื้อ"โอไมครอน" ระบุ อาจแทนที่ "เดลตา" แต่วัคซีนยังได้ผล

1 ธันวาคม 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประจำวันที่ 1 ธันวาคม ว่า ที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุข ให้กรมควบคุมโรครายงานถึงลักษณะการติดเชื้อเปรียบเทียบความรุนแรงของการก่อโรคในสายพันธุ์ “โอไมครอน” ซึ่งเท่าที่รวบรวมข้อมูล อาการของ อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา จะคล้ายกัน แต่ "โอไมครอน" เบื้องต้นอาการไม่พบว่ามีความแตกต่าง  มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย แต่จะไม่สูญเสียการรับกลิ่น รส อาการป่วยยังไม่รุนแรง แต่จากรายงานการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อส่วนนี้ พบความเร็วในการแพร่โรค คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแทนที่สายพันธุ์เดลตา ในเซาธ์แอฟริกาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนความรุนแรง ยังไม่มีข้อมูล

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวัคซีนยังสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ ด้านระยะฟักตัว ยังไม่มีข้อมูล ส่วนผลต่อภูมิคุ้มกันอาจหลบภูมิคุ้มกันได้ อย่างมีนัยยะสำคัญ พบว่ามีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้สูงขึ้น ดังนั้นคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะภาคอีสาน ควรมารับการฉีดวัคซีน อย่างน้อยจากที่ผู้เชี่ยวชาญบอก คือสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ นอกจากนี้ประเทศที่ติดเชื้อและมีเพิ่มขึ้น ประเทศในยุโรปที่เพิ่มขึ้น คือ โปรตุเกส ออสเตรีย สวีเดน สเปน ส่วนเอเชียเพิ่มที่ ญี่ปุ่น  ทั้งนี้มีลักษณะการนำเชื้อเข้า โดยส่วนใหญ่คือเดินทางกลับจากประเทศที่อยู่ในกลุ่ม 8 ประเทศทวีปแอฟริกาที่มีการแพร่ระบาด

อย่างไรก็ตามได้นำมาตรการที่ศึกษาจากประเทศต่างๆ มาปฏิบัติ คือ มาตรการติดตามคนที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่เดินทางจาก 8 ประเทศในแอฟริกา 15-27 พฤศจิกายน เข้ามาในระบบแซนด์บ็อกซ์และกักตัว รวม 255 คน ออกจากประเทศไทยแล้ว 3 คน คงค้าง 252 คน ติดตามคนกลุ่มนี้ได้ 11 คน  ในที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุข และศปก.ศบค. ย้ำและขอประชาสัมพันธ์คนไทยและต่างชาติที่มาพำนักในประเทศไทยว่าที่ยังคงเหลืออยู่ 252 คนที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ขอให้มารายงานตัวเพื่อรับการตรวจ RT-PCR ฟรี

ทั้งนี้ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศหลักของแอฟริกา ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโก มาลาวี โมซัมบิก มามิเบีย แอฟริกาใต้ ซิมบับเว ถ้าเดินทางมาถึงไทยตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน ถ้าอยู่ในระบบแซนด์บ็อก ขอให้สังเกตตัวเอง 14 วัน และตรวจหาเชื้อตามช่วงเวลา แต่หากอยู่ในระบบกักกันอยู่แล้ว มีการขยายใครยังไม่ครบ 14 วัน และตรวจหาเชื้อก่อนออก ทั้งนี้กรณีออกมาจากสถานที่กักกันแล้วยังไม่ครบ 14 วัน ขอให้สังเกตจนครบ 14 วัน หากอยู่บ้านก็ขอให้อยู่ตรงนั้นอย่าไปไหนอยู่กับที่ กลับผู้ที่เดินทางถึงไทยตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน ทั้งในแซนด์บ็อกซ์และกักตัว  ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันและตรวจหาเชื้ออีก 3 ครั้ง 

ส่วนประเทศอื่นๆ ในทวีปแอฟริกาหากเดินทางถึงไทย วันที่ 15  พฤศจิกายน- 5ธันวาคม ในแซนด์บ็อกซ์ให้คุมไว้สังเกตจนครบ 14 วัน หรือตามจำนวนวันที่เข้าพัก กรณีมีอาการให้ตรวจหาเชื้อ ส่วนในรูประบบการกักตัวต้องกักให้ครบตามกำหนดแล้วยังต้องติดตามคุมไว้สังเกตจนครบ 14 วัน กรณีมีอาการให้ตรวจหาเชื้อ ขณะที่ผู้เดินทางถึงไทยตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคมในรูปแบบแซนด์บ็อกและการกักตัว ให้กับตัวเป็นเวลา 14 วันและตรวจหาเชื้อสามครั้ง จะไม่อนุญาตให้กลุ่มเสี่ยง 8 ประเทศ เดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ แนวทางสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรจากต่างประเทศที่พบมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ “โอไมครอน” ที่ต้องกักตัวต่อจนครบ 14 วันหากผู้ที่เดินทางเข้าราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 15- 27 พฤศจิกายน เฉพาะที่มีสัญชาติไทยและไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายในการกักตัวต่อเองได้ ให้โรงแรมประสานพนักงานควบคุมโรคติดต่อเพื่อประสานมายังกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรคและกลุ่มควบคุมโรค เพื่อนำเข้ากับตัวต่อในสถานกักกันของสถาบันบำราศนราดูรต่อไป