24 พฤศจิกายน 2564 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha โดยระบุว่า
ปรากฏการณ์ในญี่ปุ่นที่การระบาดของโควิด วูบไป 24/11/64
ผู้เชี่ยวชาญของประเทศญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตว่าไวรัสอาจจะผันตัว มากไป เพื่อเอาชนะ มนุษย์ จนท่อน nsp14 ที่คอยซ่อมไวรัสไปไม่ไหว และคนเอเซีย อาจมีระบบ ป้องกันคือ ZAP หรือ Zinc finger antiviral protein และ APOBEC3G ที่มีประสิทธิภาพมาก ในปอด และเม็ดเลือดขาว
ด้านล่างเป็นข้อความที่เผยแพร่ตั้งแต่ กันยายน 2563
แต่ถ้าเป็นตามจริงในประเทศญี่ปุ่นหวังว่าไวรัสจะแพ้ภัยตนเอง ทั้งนี้ร่วมกับวัคซีนที่ประเทศญี่ปุ่นฉีดไปมากกว่า 75% และการรักษาวินัยเคร่งครัด
ในตัวเชื้อ โคโรนาไวรัสมีวิวัฒนาการมาเนิ่นนานด้วยการผันแปรของรหัสพันธุกรรมแต่ละท่อน ซึ่งมีหน้าที่จำเพาะ ในการเกาะติดที่เซลล์ ในการกดการต่อสู้ของร่างกาย เพื่อเอื้ออำนวยให้ไวรัสสามารถอยู่ได้ในเซลล์และเพิ่มปริมาณได้ ในขณะเดียวกันเข้าไปควบคุมเซลล์เจ้าบ้าน ให้เอื้ออำนวยพลังงานให้กับไวรัสโดยไม่สามารถขจัดไวรัสออกจากเซลล์ได้ (incomplete autophagy) และในขณะเดียวกันรบกวนการใช้พลังงานในเซลล์ จนกระทั่งเกิดภาวะพลังงานล้มเหลว (bioenergetic failure) นอกจากนั้นมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มจำนวนโดยผ่านทาง เอนไซม์ และที่สำคัญก็คือ มีท่อนรหัสพันธุกรรมที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างการอักเสบ ที่รุนแรงเกินควร ผ่านระบบ innate และโยงใยไปถึงการที่มีเลือดข้น เส้นเลือดตันเส้นเลือดอักเสบ อวัยวะหลายส่วนเสียหาย (thrombo-inflammation)
ส่วนสำคัญที่ไม่สามารถอธิบายจากรหัสพันธุกรรมของไวรัสเท่านั้น เป็นกลไกเหนือยีน (epigenetics) และเป็นตัวกำหนดตำแหน่งแห่งที่ ที่ไวรัสสามารถอยู่ได้โดยบรรพบุรุษของโคโรนา จะอยู่ในลำไส้ และค่อยๆปรับเปลี่ยนมาอยู่ในระบบทางเดินหายใจจนกระทั่งถึงถุงลมและพัฒนาเข้าเลือดรวมกระทั่งถึงเม็ดเลือดขาว ทั้งนี้เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สู้กับระบบปกป้องไวรัสของร่างกายของเนื้อเยื่อนั้นๆ คือ ZAP หรือ Zinc finger antiviral protein และ APOBEC3G ที่มีประสิทธิภาพมาก ในปอด เม็ดเลือดขาว
นอกจากนั้นการผันแปรของรหัสพันธุกรรม และจะโยงใยไปกับการแพร่การเพิ่มจำนวน โดยการผันแปรนั้น ส่งผลถึงเซลล์ที่ติดเชื้อ และ มีผลต่อกลไกต่อสู้ของร่างกาย ที่เรียกว่า functional mutation
เพี้ยง ความเลว ย่อมสูญสิ้น ทั้งนี้ จะเกี่ยวกับที่ญี่ปุ่น อนุโลมให้ใช้ ไอเวอร์เมคตินหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องวิเคราะห์