ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้พิจารณาเตรียมยกเลิกการตรวจการตรวจหาเชื้อโควิด-19ด้วยวิธี RT-PCR สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส ซึ่งเข้ามาจาก 63 ประเทศ ภายใต้โครงการ Test & Go รวมถึงผ่อนปรนกฎการสัมผัสใกล้ชิดผู้ที่มีความเสี่ยงสูง (HRC) เพราะการดำเนินการแต่ละครั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมง จึงจะทราบผลการตรวจ และผู้เดินทางขาเข้าต้องจอง และพักอยู่ในห้องพักของโรงแรมระหว่างรอผลการตรวจอย่างน้อย 1 วัน แต่ควรให้ดำเนินการตรวจด้วยวิธีอื่น เช่น ชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ที่จะทำให้มีความสะดวกมากกว่า โดยจะพิจารณาเริ่มมาตรการใหม่ในเดือนธันวาคม 2564
มาตรการการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนรองรับการเปิดประเทศ
1. การปรับระยะเวลาในการกักกัน หรืออยู่ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
ระยะที่ 2 (1-31 ธ.ค.2564) พิจารณาปรับลดเป็น 5,7,10 วัน
ระยะที่ 3 (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) พิจารณาปรับลดวัน หรือกักตัว เฉพาะไม่ได้รับวัคซีน หรือ ปรับเป็นการคุมไว้สังเกต
2. ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อ
ระยะที่ 1 (1-30 พ.ย.2564) ตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 RT-PCR ครั้งที่ 2 ตรวจ ATK ด้วยตนเองเมื่อมีอาการ หรือวันที่ 6-7
ระยะที่ 2 (1-31 ธ.ค.2564) อาจพิจารณาการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย โดยจะมีการประเมินผลการติดเชื้อ จากผู้เดินทางของเดือน พ.ย. และสถานการณ์การระบาดความครอบคลุมการได้รับวัคซีน เช่น ปรับจาก RT-PCR เป็นตรวจ ATK ณ โรงแรมที่พัก
ระยะที่ 3 (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) ตรวจหาเชื้อด้วย ATK ต่อเนื่องจากเดือนธันวาคม
3. ปรับการประกันภัย
ระยะที่ 1 (1-30 พ.ย.2564) ประกันภัยรวม 50,000 USD
ระยะที่ 2 (1-31 ธ.ค.2564) และ ระยะที่ 3 (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) กำหนดแนวทางการมีประกันภัย สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ตามวงเงินที่ราชการกำหนด
4. พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว
ระยะที่ 2 (1-31 ธ.ค.2564) 16 จังหวัด (รวม 33 จังหวัด) อาจเพิ่ม ชุมพร ระนอง (เกาะช้าง) อยู่ระหว่างการประเมิน ส่วน สงขลา ยะลา และนราธิวาส อาจเลื่อนเป็น 16 ธ.ค.2564
ระยะที่ 3 (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) 12 จังหวัด (รวม 45 จังหวัด)
5. การเข้าราชอาณาจักรแบบ Test and Go (ตรวจไม่พบเชื้อเดินทางได้ทุกพื้นที่)
ระยะที่ 1 (1-30 พ.ย.2564) จำนวน 63 ประเทศ
ระยะที่ 2 (1-31 ธ.ค.2564) เพิ่มประเทศ(ยังไม่พิจารณาเพิ่มเติม)
ระยะที่ 3 (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) ไม่จำกัดประเทศ