10 พฤศจิกายน 2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงโครงการประกันรายได้ว่าทำให้เกษตรกรอ่อนแอว่า โครงการประกันรายได้ เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คิดและทำเพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีความเข้มแข็งอยู่ได้โดยมีหลักประกันในเรื่องรายได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านราคาผลผลิตที่มีผลโดยตรงกับรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกร เมื่อมีปัญหาเรื่องราคาข้าว แน่นอนว่าพี่น้องชาวนาก็จะได้รับส่วนต่างรายได้ที่ขาดหายไป
โครงการประกันรายได้เกษตรกร มีเกษตรกรเกือบ 8 ล้านครัวเรือนทั้งประเทศ ได้รับประโยชน์ มีความเป็นอยู่ที่เข้มแข็งขึ้น เงินส่วนต่าง เป็นจำนวนเงินที่ไปช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก นโยบายประกันรายได้คือคำสัญญาของสถาบันทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เมื่อหาเสียงไว้แล้ว ก็ทำตามคำสัญญาที่หาเสียงไว้ และพรรคก็ได้ผลักดันจนเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นทำงานร่วมกันในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ที่นายสันติ ได้กล่าวหาว่า นโยบายประกันรายได้ ทำให้เกษตรกรอ่อนแอ ก็ไม่เป็นความจริง เกษตรกรอยู่ได้อย่างเข้มแข็ง ระบบการเกษตรได้รับการพัฒนาควบคู่กันมาตลอด การลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร การส่งเสริมเรื่องคุณภาพ การส่งเสริมการส่งออก การส่งเสริมเทคโนโลยี การพัฒนาพันธุ์ข้าว ทุกอย่างมีการคิดอย่างรอบด้านครบถ้วน ทุกอย่างควบคู่กันไปทั้งหมด นี่คือการทำงานในเชิงรุกทุกเรื่องเพื่อเกษตรกร ผลสำเร็จคือความเป็นอยู่ของเกษตรกรเข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่อ่อนแออย่างที่นายสันติพูด ที่น่ากังวลคือความคิดของนักการเมืองที่อ่อนแอลง การทำงานไม่ใช่คิดว่าใครจะได้หน้าหรือเอาหน้า แต่เมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำประโยชน์ให้กับประชาชนให้สมบูรณ์ที่สุด การตระหนักในหน้าที่ของตนสำคัญที่สุดไม่เช่นนั้นเป็นเรื่องที่น่าตำหนิที่สุด
"เวลานี้มีเสียงสะท้อนมายังพรรคตลอดมา คือขอบคุณพรรคและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ใส่ใจพี่น้องเกษตรกรตลอดมา โดยเฉพาะการประกันรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรอยู่ได้"