
10 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง(ศปข.ตร.) แถลงการจับกุม วัยรุ่นที่ร่วมตัวเป็น กลุ่มรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งหลายร้อยคัน ชักชวนกันทางสื่อโซเชียลมีเดียออกทริปทำบุญเที่ยว ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ในชื่อ “ทริป น้ำไม่อาบ” ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วานนี้(9 พ.ย.)ว่า
จากกรณีแก๊ง "ทริป น้ำไม่อาบ" ที่เป็นกระแสโซเชียลในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ศปข.ได้ประสานไปยังตำรวจพื้นที่ให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้เกือบยกแก๊ง แบ่งเป็นความผิด ทั้ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ, พ.ร.บ.รถยนต์ฯ และความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ดังนี้
1. ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร จำนวน 1 ราย
2. ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จำนวน 269 ราย
3. ไม่พกสำเนาคู่มือรถ จำนวน 12 ราย
4. ไม่สวมหมวกนิรภัย จำนวน 88 ราย
5. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 78 ราย
6. อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบถ้วน จำนวน 369 ราย
7. ไม่ชำระภาษีประจำปี จำนวน 19 ราย
8. เปลี่ยนแปลงตัวรถฯ จำนวน 8 ราย
9. ว่ากล่าวตักเตือน จำนวน 450 ราย
นอกจากนี้ ยังได้ ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 67 คัน และจับกุมตามพ.ร.บ.ยาเสพติดฯ จำนวน 2 ราย และเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษ จำนวน 6 ราย
โดยการทำงานของ ศปข.ตร. จะใช้การประสานไปยังตำรวจพื้นที่ ตั้งแต่ต้นทางที่มีการรวมกลุ่ม กลางทาง จนถึงปลายทาง ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ให้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดทุกพื้นที่ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง ของ ศปข.ตร. เพื่อป้องปรามและจัดระเบียบไม่ให้รบกวนนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด -19 รวมถึง การเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จึงอยากฝากประชาชน ให้ตระหนักถึงการรวมตัวมั่วสุมออกมาแข่งรถในทาง หรือ รวมกลุ่มเพื่อออกทริปไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ควรรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก เพราะการรวมกลุ่มในลักษณะนี้ ผู้ขับขี่มักมีพฤติกรรมที่คึกคะนอง ขับรถน่าหวาดเสียวก่อให้เกิดอันตรายและเป็นการรบกวนการขับขี่ของผู้อื่น ซึ่งจะมีความผิดในข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนหรือความปลอดภัยของผู้อื่น” อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยพนักงานสอบสวนจะต้องส่งฟ้องและขอให้ศาลสั่งริบรถ
ทั้งนี้ หากพบเบาะแส สามารถแจ้งมายัง สายด่วน ศปข.ตร. 1599 หรือ 191 หรือสามารถส่งคลิปวิดีโอหลักฐานมาทาง เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.” ได้ตลอด 24 ชม. โดยจะมีเงินรางวัล 3,000 บาท ให้กับผู้แจ้งในกรณีที่มีการจับกุมได้