เป็นเคสที่น่าตื่นตาตื่นใจและสร้างกระแสไปทั่วโลก ล่าสุด มีรายงานข่าวใน วารสารด้านกุมารศัลยศาสตร์ ( Journal of Pediatric Surgery Case Reports ) เผยแพร่ข่าวช็อกโลก ช็อกวงการแพทย์ เป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับทารกน้อยเพศชายคนหนึ่ง ซึ่งเกิดที่โรงพยาบาลเด็ก อัลเบิร์ต ซาบิน ที่เมืองฟอร์ตาเลซา ในบราซิล
แม้ว่า ทารกน้อยคนนี้จะคลอดก่อนกำหนดเล็กน้อย แต่สุขภาพร่างกายของมารดาและทารกแข็งแรงดีในภาพรวม ยกเว้นการที่หนูน้อยเกิดมา พร้อมหางความยาว 12 เซนติเมตร ยื่นออกมาจากกระดูกบริเวณทวารด้านซ้าย และที่ปลายหางยังมีก้อนเนื้อลักษณะคล้ายลูกบอลขนาดเล็กด้วย
ทั้งนี้ คณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดนำหางดังกล่าวออกจากร่างกายของทารกอย่างปลอดภัย หลังสแกนอย่างละเอียดแล้วพบว่า หางยาว 12 ซม.นั้น ไม่ได้เชื่อมต่อกับเซลล์ประสาท นอกจากนี้องค์ประกอบส่วนใหญ่ของก้อนเนื้อที่ปลายหางพบว่าคือไขมันที่ไม่อันตรายใดๆ
รายงานยังระบุอีกว่า กรณีของทารกน้อยบราซิลรายนี้ ถือว่าเป็นเพียง 1 ใน 40 กรณีเท่านั้น ซึ่งเคยมีการบันทึกอย่างเป็นทางการ ว่าเป็นมนุษย์ที่เกิดมาพร้อมหาง เนื่องจากเคยมีความเชื่อกันว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมหาง ในช่วง 4-8 สัปดาห์แรกที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์มารดา
อย่างไรก็ตาม กลไกการทำงานของร่างกาย ก็จะดูดหางนั้นกลับเข้าไป แต่กรณีของหนูน้อยคนนนี้ถือว่า “พบได้ยากมาก” ที่หางนั้นยังคงเติบโตและเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของทารก จนกระทั่งคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
รายงานของวารสารฉบับนี้ระบุต่อไปว่า กรณีว่า มนุษย์เกิดมาพร้อมหางนั้น มีบันทึกย้อนหลังได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 19 โดยทั่วไปจะมีขนาดเล็กมาก สาเหตุมาจากการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณช่องท้อง เป็นเนื้องอกจากเซลล์ไขมัน และความบกพร่องบริเวณกระดูกไขสันหลัง และเส้นประสาทบริเวณไขสันหลัง โดยเฉพาะความผิดปกติแต่กำเนิด ทำให้การจัดเรียงตัวของกระดูกสันหลังและไขสันหลังไม่สมบูรณ์ เรียกว่า “โรคสไปนา ไบฟิดา” (Spina Bifida)
ทีมผู้เชี่ยวชาญที่นำเสนอกรณีของทารกน้อยชาวบราซิลรายนี้ สรุปไว้ว่า
"การที่มนุษย์เกิดมาพร้อมหางเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ในทางการแพทย์ถือเป็นความผิดปกติที่หาได้ยากมาก คุณพ่อหรือคุณแม่ ตลอดจนผู้ปกครอง ควรปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับกุมารแพทย์และศัลยแพทย์ หากพบบุตรหลานมีอาการลักษณะนี้"
ทั้งนี้ ทางวารสารการแพทย์ด้านกุมารเวชศาสตร์ เผยแพร่เคสของเด็กชายชาวบราซิล ที่ลืมตาดูโลกเมื่อต้นปีนี้ "พร้อมหางความยาว 12 เซนติเมตร" แม้ไม่ใช่คนแรกของโลก แต่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นและพบยากมาก
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ : Journal of Pediatric Surgery Case Reports / india.com และ sciencedirect.com