เผาวอดเรือนแพ 3 หลังคาดวางเพลิง ปมเหตุขอหย่าร้างสามี

จากกรณีเรือนแพอาศัยของชุมชนชาวแพในแม่น้ำสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ถูกไฟไหม้วอดจำนวน 3 หลัง เมื่อคืนที่ผ่านมา ( 4 พ.ย. ) โดยทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองอุทัยธานีนำเรือดับเพลิงเข้าไปดับไฟแพอย่างเร่งด่วน แต่ด้วยตัวแพเป็นไม้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลเรือนแพจำนวน 3 หลังเผาวอด และไม่สามารถขนสิ่งของหนีออกได้ทัน เนื่องจากขณะเกิดเหตุเจ้าของเรือนแพทั้ง 3 หลัง ไม่มีใครอยู่เลย ซึ่งคาดว่าจะถูกวางเพลิงอย่าแน่นอน

ล่าสุดวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกองบังคับการตำรวจจังหวัดอุทัยธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐาน เพื่อวิเคราะว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือถูกลอบวางเพลิง 

โดยนางบังอร ศรีมงคล แพคลองสะแกกรัง อำเภออุทัยใหม่ จังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่าแพของตนนั้นไหม้หมดไปครึ่งหลัง แต่ข้าวของในบ้านก็เสียหายทั้งหมด ซึ่งแพไม่มีคนอยู่นานแล้วเพราะไปอยู่บนบกกันหมด แต่ก็ฝากคนรู้จักให้ดูไว้ว่าอย่าให้แพหลุดในช่วงที่น้ำไหลแรง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดไฟได้อย่างไร แต่สาเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าน่าจะมีคนวางเพลิง ส่วนแพอีกหลังหนึ่งที่ติดกันก็คือแพของนางพะยอม มนทาทอง อายุ 73 ปี ก็ไหม้ไปครึ่งหลังข้าวของเสียหายจนหมดแต่ไม่มีใครอยู่บ้านก็เพราะไปอยู่กับหลานที่จังหวัดลพบุรีประมาณ 2 เดือนแล้ว จึงไม่มีใครเป็นอะไร

ด้านนางสาวจีรวรรณ จันทร์คนธ์ อายุ 48 ปี  ชาวอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีนายอุเทน จันทร์สอน ที่มาติดพันกับตัวเองมาขอจดทะเบียนสมรสด้วยได้เพียง 3 วัน จากนั้นก็ไปขออย่าร้างกับนายอุเทน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากนายอุเทนชอบโกหก และจับได้หลายครั้งจึงไม่เชื่อใจจึงขอหย่าดังกล่าว แต่นายอุทน ก็ยังไม่ยอมหย่าให้ 

กระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 ที่ผ่านมาตนก็พยายามพูดดี ๆ ให้มาหย่าแต่นายอุเทน บอกเงื่อนไขจะขอนอนด้วยซึ่งตนไม่ยินยอม แต่ช่วงที่ไฟไหม้ตนออกไปขายอาหารที่ตลาดสด และเกิดไฟไหม้ดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่านายอุเทน น่าจะเกิดความไม่พอใจมาลอบวางเพลงและหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง และชุดสืบสวนกำลังเร่งตามตัวมาสอบปากคำ หากเป็นผู้วางเพลิงจริง ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป