5 พฤศจิกายน 2564 แพทย์หญิง สุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง และพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยถึงสถานการณ์เปิดประเทศ ว่า ผลการดำเนินงานการรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร วันที่ 1-4 พฤศจิกายน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 9,210 ราย แบ่งเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน รวม 2,497 ราย วันที่ 2 พฤศจิกายน รวม 2,013 ราย วันที่ 3 พฤศจิกายน รวม 2,614 ราย และวันที่ 4 พฤศจิกายน ทั้งหมด 2,086 ราย 1. Teas&Go 1,864 ราย 2. Sandbox 88 ราย 3. กักกัน ของรัฐ 134 ราย แบบ 7 วัน 32 ราย แบบ 10 วัน 102 ราย
รวมทุกท่าอากาศยานคือ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต สมุย ตั้งแต่วันที่ 1-4 พฤศจิกายน ยอดผู้เดินทางเข้ามาทั้งหมด 13,397 ราย เป็นเข้าทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 9,210 ราย ท่าอากาศยานภูเก็ต 4,005 ราย และท่าอากาศยานสมุย 182 ราย ทั้งนี้มีการติดเชื้อทั้งสิ้น 10 ราย อัตราการติดเชื้อคิดเป็น 0.075% จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด
10 ประเทศต้นทางที่เดินทางเข้าราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1- 4พฤศจิกายน มากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา 1,593 ราย เยอรมนี 1,592 ราย สหราชอาณาจักร 1006 ราย ญี่ปุ่น 935 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 624 ราย สวีเดน 511 ราย เกาหลีใต้ 499 ราย เนเธอร์แลนด์ 365 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 350 ราย และจีน 345 ราย
จากการดำเนินงาน 4 วันที่ผ่านมา ที่ประชุมศบค. ชุดเล็ก ขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่และสายการบินได้มีการตรวจเอกสารหลักฐานของนักท่องเที่ยวและผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างละเอียดครบถ้วน ตั้งแต่ก่อนเดินทางเข้าถึงประเทศไทย และเมื่อเดินทางถึงขอให้ขั้นตอนที่สำคัญ คือ การตรวจคัดกรองเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่โรงแรมที่รับนักท่องเที่ยว จะต้องมีระบบการดำเนินการที่จับคู่กับโรงพยาบาลปฎิบัติการคู่สัญญา เพื่อที่จะได้ตรวจและออกผลให้ได้ภายใน 6 ชั่วโมง ก่อนที่จะเข้าสู่ระบบที่จะเป็น Sandbox หรือ Teas&Go ต่อไป
นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้ทางกระทรวงท่องเที่ยวฯ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีการกำกับติดตามสถานประกอบการ โรงแรม อย่างเคร่งครัด จะได้เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย และดำเนินการเปิดประเทศต่อไปได้
ส่วนการได้รับวัคซีนโควิด-19 สะสมในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ค่าเฉลี่ยของเข็มแรกอยู่ที่ 80.9% โดยส่วนใหญ่ฉีดเข็มแรกได้เกิน 50% แต่ยังคงมีจังหวัดหนองคาย ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกได้เพียง 48.0% ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 77.4%
ที่ประชุมศปก.ศบค. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีความเป็นห่วงในการดำเนินงานในกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ในช่วงที่มีการผ่อนคลายประเทศ ได้มีการประชุมกับหลายภาคส่วนทั้ง กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชน เช่น สมาคมภัตตาคารไทย หรือสมาคมผู้ค้าปลีก โดยมีประเด็นหลักคือ ขอให้เร่งรัดร้านค้า สถานประกอบการร้านอาหาร ทำความเข้าใจ และสร้างความร่วมมือให้ดำเนินการภายใต้มาตรการสาธารณสุขหรือมาตรฐาน SHA หรือ SHA+ และการอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร
โดยขอให้เจ้าของกิจการและสถานประกอบการทั้งหมด ดำเนินการภายใต้มาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ ทางศปก.ศบค. จะมีการประเมินสถานการณ์ทุก 2 สัปดาห์ และขอความร่วมมือจากประชาชน และทุกฝ่าย ทั้งกรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย และภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะทำให้เราสามารถดำเนินการผ่อนคลายในระยะต่อไปได้สำเร็จ ประชาชนจะได้มีความปลอดภัย
เมื่อถามถึง มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาศบค. กระทรวงสาธารณสุข มีแผนรองรับอย่างไร ในกรณีมีการเกิดการระบาดเกิดขึ้น แพทย์หญิง สุมณี กล่าว่ว่า การเปิดประเทศ ได้มีแผนการเตรียมพื้นที่ ในการทำแผนเผชิญเหตุเมื่อมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ จัดทำภายใต้หลักการตามคำสั่งศบค. ฉบับที่ 11 (12) มีเกณฑ์พิจารณา คือ ความพร้อมในการรองรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นนักท่องเที่ยวในโครงการ ความพร้อมในการรองรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นประชาชนในพื้นที่ และลักษณะการระบาดวิทยาของ โควิด-19 ในพื้นที่ การจัดระดับพื้นที่สถานการณ์และทรัพยากรในการสอบสวนควบคุมโรค ทั้งนี้ให้เป็นการพิจารณาโดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ในการทำเกณฑ์การชะลอหรือยกเลิกโครงการและการจัดทำแผนเผชิญเหตุรองรับ ซึ่งเกณฑ์นี้อาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และแผนของประเทศ อีกทั้งคำนึงถึงศักยภาพทั้งการควบคุมโรค และรักษาพยาบาล ขณะนั้นด้วย