สอบสำนักสงฆ์สร้างโลงแก้วให้ลูกศิษย์ละสังขาร

29 ตุลาคม 2564 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าฯ อุดรธานี เผยว่า ได้รับรายงานจากนายอำเภอกู่แก้ว กรณีสำนักสงฆ์ซำป่าหัน ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี จะสร้างโลงแก้วให้ลูกศิษย์ละสังขาร โดยเข้าไปตรวจสอบ พบมีพระสงฆ์อยู่จริง และมีการอ้างพิธีกรรมบางอย่างในการปฏิบัติ ซึ่งไม่สอดคล้องกับคำสอนของศาสนา

พระสงฆ์รูปดังกล่าวตรวจสอบแล้วเป็นพระจริง แต่สำนักสงฆ์ ยังไม่ได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งอย่างเป็นทางการ และทราบว่ามีการสร้างโลงแก้วใกล้จะเสร็จแล้ว พระที่ปฏิบัติบอกว่าไม่ได้เป็นคนสร้างเอง จึงอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ

ส่วนเรื่องนี้เป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ ต้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด เข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ต้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อน ทราบว่าพระสงฆ์รูปนี้เป็นคนในพื้นที่ แต่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านซำป่าหัน มีญาติโยมเข้าไปสักการะบ้าง แต่ไม่มาก  

ทั้งนี้ อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ปฏิบัติตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา เรื่องไหนไม่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ควรจะใช้ดุลพินิจให้มาก

พระครูสมุห์เสรี ปญฺญาสาโร เจ้าคณะตำบลหมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี เผยว่า เพิ่งทราบข่าวว่ามีการสร้างโลงแก้ว ให้ญาติโยมที่บรรลุธรรมแล้ว และจะละสังขาร ก่อนจะกลายเป็นพระบรมสารีริกธาตุ

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ ตั้งแต่ศึกษาพระธรรมของศาสนาพุทธมา ไม่มีการระบุไว้เลย ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ถึงต้องสร้างโลงแก้วขึ้นมา ที่ผ่านมาครูบาอาจารย์ที่ละสังขารแล้ว ก็มีการนำร่างไปเผา ไม่เคยนำไปใส่โลงแก้วเลย คนธรรมดาไม่สามารถบรรลุธรรมเองได้ หรือละสังขารก่อนเป็นพระบรมสารีริกธาตุ คำสอนของพุทธศาสนา ให้ปฏิบัติธรรม อยู่ในศีลในธรรมเท่านั้น

กรณีนี้ สืบเนื่องจากมีลูกชายของหญิงคนหนึ่ง ร้องให้ หมอปลา ช่วยเหลืองหลังแม่ ไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ซำป่าหัน แล้วอ้างว่ามีองค์ 2 ร่างมาประทับร่าง ชื่อ พระอริยเจ้า และพระลูกแก้ว เพื่อมุ่งสู่นิพพาน โดยรู้วันละสังขารของตัวเอง ในวันที่ 30 ต.ค. 64 โดยมีพระสงฆ์จากสำนักสงฆ์ และผู้ติดตาม 5 คน มาทำพิธีละสังขารที่บ้าน 

หลังจากละสังขารจะนำร่างไปใส่โลงแก้วไว้ที่สำนักสงฆ์ โดยโอนเงิน 300,000 บาท สร้างโลงแก้วเตรียมไว้ ร่างจะคล้ายกับคนนอนหลับ ไม่เปื่อยเน่า หลังจากนั้น 1 เดือน จะกลายเป็นพระบรมสารีริกธาตุ เพราะบรรลุธรรม