28 ตุลาคม 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า เมื่อเปิดเทอมอาจจะมีความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ในโรงเรียนอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการแพร่ระบาดใหญ่ในโรงเรียน ซึ่งขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองคอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
ในการฉีดวัคซีนโควิด-19ให้กับเด็กอายุ 12 -18 ปี ตอนนี้มีการแจ้งความประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีมเพิ่มอีก 5 แสนคน ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ทยอยจัดสรรวัคซีนลงไปยังพื้นที่ต่างๆ เพิ่มเติมแล้ว
ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์ ที่ผู้ปกครองกังวล โดยเฉพาะภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้แต่เกิดน้อย และสามารถรักษาหายได้ ข้อมูลทางการแพทย์ เมื่อเด็กติดเชื้อโควิด ภายนอกเหมือนไม่มีอาการ แต่ภายในอวัยวะเกิดการอักเสบและส่งผลต่อระยะยาว ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์จึงเห็นพ้องต้องกันว่าการฉีดวัคซีนโควิดมีประโยชน์ โดยแนะนำให้เด็กเข้ารับวัคซีน เพียงแต่ให้มีความระมัดระวัง หากฉีดครบ 2 เข็มแล้วควรพักร่างกายงดออกกำลังกายประมาณ 7 วัน และขอให้ผู้ปกครองมั่นใจในวัคซีนที่มีการฉีดให้กับเด็ก
ส่วนการฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก 3-11 ปี ตอนนี้ยังไม่อนุญาตในการเข้ารับการฉีด แต่ล่าสุดหลายประเทศ ได้มีการฉีดวัคซีนโควิดในเด็กประถมบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งให้บริษัทที่เกี่ยวข้องมาขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิดในเด็กเล็ก กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หากมีการอนุญาตก็จะมีการพิจารณาฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กมีต่อไป ขณะที่ทั่วโลกตอนนี้หลายบริษัทกำลังผลิตวัคซีนที่ฉีดในเด็กมากขึ้น
ข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงศึกษาธิการ ภาพรวมจำนวนนักเรียนที่ฉีดวัคซีนรายภาค 27 ตุลาคม อายุ 12 ปีขึ้นไป ประสงค์ฉีด 3,817,727 คน / ฉีดไปแล้ว 2,544,267 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 66.64
ส่วนบุคลากรทางการศึกษา ฉีดวัคซีนเข็ม1 ไปแล้ว 782,010 คน / เข็ม2 522,133 คน / ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน 112,377 คน.
ทั้งนี้ หากพบการติดเชื้อในคลัสเตอร์ เด็กเล็กในโรงเรียน จะใช้แนวทางการในการรักษาร่วมกัน ซึ่งจะทำให้การรักษาง่ายขึ้นกว่านำเด็กแยกออกไปรักษา ส่วนในกลุ่มเด็กโต หากพบการติดเชื้อในโรงเรียน ก็จะมีสถานที่แยกกัก เช่น อาจจะเป็นในโรงเรียน หรือ ชุมชน