svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ผบ.ตร.สั่งเตรียมรับมือ มติศบค. ผ่อนคลายล็อคดาวน์

15 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผบ.ตร.สั่งกำชับทุกหน่วย เตรียมพร้อมรับการผ่อนคลาย ตามมติศบค. ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เข้มงวด 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 30 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 24 จังหวัด สร้างการรับรู้ ให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการและประชาชนในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

วันที่ 15 ตุลาคม 2564 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รอง โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีมติประชุม เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ปรับลดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 23 จังหวัดและปรับเวลาเคอร์ฟิว 23.00-03.00 น. อย่างน้อย 15 วัน เริ่ม 16 ต.ค.64 เป็นต้นไป พร้อมผ่อนคลายกิจกรรม-กิจการเพิ่มเติม แต่ยังคงงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร นั้น

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ในขณะเดียวกันได้เล็งเห็นความสำคัญเพื่อให้การขับเคลื่อน ระบบเศรษฐกิจสามารถดำเนินการควบคู่ไปด้วย จึงได้มีการผ่อนคลายกิจกรรม-กิจการ ตามมติของ ศบค. พร้อมได้กำชับให้หน่วยงานทุกภาคส่วนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลโดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(  รอง ผบ.ตร.) ฝ่ายความมั่นคง ลงไปกำกับดูแล พร้อมกำชับการปฎิบัติของทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้อง โดยให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ สร้างการรับรู้ มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามแนวทางของ ศบค. และ ตามประกาศ คำสั่ง ของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละพื้นที่ อย่างเคร่งครัด

 

การตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยตามพิธีการคนเข้าเมือง การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงการออกตรวจสอบ กวดขัน สถานประกอบการ ร้านค้า ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง ประกาศ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยในพื้นที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เกิดผลอย่างจริงจัง มีผลการปฎิบัติเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายรองรับตามนโยบายรัฐบาลสำหรับการเตรียมพร้อมเพื่อเปิดประเทศ และการผ่อนคลายกิจกรรม-กิจการ รวมถึงให้ประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ ออกตรวจสอบสถานประกอบการ แหล่งมั่วสุม หรือสถานที่มีประชาชนแออัดจำนวนมาก

 

 

ตามกลุ่มพื้นที่จังหวัด ที่ ศบค. ได้กำหนด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 30 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 24 จังหวัด รวมถึงสร้างการรับรู้ให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการและประชาชนในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปฏิบัติตามมาตราการทางสาธารณสุข พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และการปรับเงื่อนไข กิจกรรม-กิจการ ตามพื้นที่ ศบค. ได้กำหนด เช่น พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 23.00-03.00 น. เป็นเวลาอย่างน้อย 15 วัน ปรับเวลาเปิด กิจกรรม-กิจการต่างๆ ได้ถึงเวลา 22.00 น.

 

รวมถึงการจัดการประชุมและจัดงานตามประเพณีนิยมได้ในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ตามที่กำหนด สถานดูแลผู้สูงอายุ เปิดดำเนินการให้สามารถรับไป-กลับได้

รองโฆษกตร. กล่าวอีกว่า สำหรับทุกพื้นที่ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ให้เปิดตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม ที่เล่นรายบุคคล หรือแข่งเป็นคู่ได้ (ยกเว้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังไม่เปิดให้บริการ) การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มปรับเพิ่มตามระดับพื้นที่เป็น 50,100 ,200 ,300,500 คน เป็นต้น อีกทั้ง ผบ.ตร. ขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทุ่มเท เสียสละ กำลังกาย กำลังใจ ในการ ออกตรวจสอบสถานประกอบการแหล่งมั่วสุมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามกลุ่มพื้นที่จังหวัดที่ ศบค. ได้กำหนด ซึ่งยังคงให้งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร รวมทั้งการฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

ทั้งนี้ หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือหรือแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สามารถโทรมายังหมายเลขสายด่วน191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.

ผบ.ตร.สั่งเตรียมรับมือ มติศบค. ผ่อนคลายล็อคดาวน์

logoline