วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) พร้อมเจ้าหน้าที่จากกรมศุลกากร - กรมสรรพสามิต นำกำลังเข้าตรวจสอบ เรือบรรทุกน้ำมันชื่อ MITA ที่บริเวณปากอ่าวไทย ร่องน้ำเจ้าพระยา หลัง ตำรวจน้ำ ได้รับแจ้งจากเบาะแสพบเมื่อช่วงเช้าวานนี้(14 ตุลาคม 2564) ว่า เรือดังกล่าวมีการลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล ผิดกฎหมาย และมีการเข้าจับกุมไปแล้ว
โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ ระบุว่า จากการจับกุมของตำรวจน้ำ เมื่อวานนี้สามารถจับกุมตัวนายนิมิตร์ เพชรรัตน์ กัปตันเรือ พร้อมลูกอีก 8 คน ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันที่มีระวังเรือความจุที่ 1.2 ล้านลิตร ภายในพบน้ำมันดีเซล อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า มีปริมาณทั้งหมดเท่าใด ส่วนการตรวจสอบเอกสารเดินเรือและใบอนุญาตใช้เรือ รวมถึงเอกสารที่แสดงที่มาของน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว กัปตันเรือยังไม่สามารถนำเอกสารมาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ขนาดนี้จึงทำการอายัดเรือดังกล่าวไว้เพื่อเตรียมพิจารณาหาที่จัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งอาจจัดเก็บในรูปแบบของการจัดเก็บตัวน้ำมันไว้หรือมีการจำหน่ายและเก็บเป็นตัวเงินไว้แทน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา กัปตันเรือ ตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร มาตราที่ 242 ข้อหา ผู้ใดนำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร ต้องระหว่างโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ริบของนั้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่, ความผิดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต มาตรา 204 (1) ข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่เสียภาษีเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่าย โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5 เท่าถึง 15 เท่าของภาษีที่ต้องเสียหรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน
สำหรับการสอบปากคำเบื้องต้น ถือว่า กัปตัน ให้การเป็นประโยชน์ทั้งในส่วนของที่มาของน้ำมันและปลายทาง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผย ในรายละเอียดได้ แต่สิ่งที่ตำรวจคาดการณ์ ณ ขณะนี้จากหลักฐาน และแนวทางการสืบสวนเชื่อว่า น้ำมันทั้งหมดเป็นน้ำมันที่ส่งออกจากภายในประเทศไทยและมีการพยายามนำวนกลับมาเพื่อจำหน่าย เพราะสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่พุ่งขึ้นสูง ซึ่งตำรวจเชื่อว่าในส่วนของผู้ ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนในครั้งนี้มีการดำเนินการรูปแบบเครือข่าย เพราะมีการทำการเป็นขั้นตอนและปริมาณน้ำมันที่มากขนาดนี้ต้องมีขั้นตอนอย่างมากในการเคลื่อนย้ายและรับซื้อ
จากนี้ได้ตั้งคณะทำงานร่วมภายใน บช.ก. พร้อมทั้งหน่วยงานศุลกากร เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมและขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่น รวมถึงตัวผู้ที่รับซื้อ มาดำเนินคดีต่อไป