14 ตุลาคม 2564 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว รายงานให้ทราบว่าในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ได้อนุญาตให้คนต่างชาติรวม 29 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ เกาหลีใต้ ซึ่งนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 559 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 742 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งเป็นองค์ความรู้ ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือเชี่ยวชาญในระดับสูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานและกระบวนการทำงานทางเทคนิคของหน่วยกำจัดกำมะถันออกจากน้ำมันดีเซลโดยไฮโดรเจน องค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการกลั่นน้ำ หรือก๊าซ หรือน้ำมัน เพื่อเปลี่ยนน้ำเสีย หรือก๊าซ หรือน้ำมันดิบให้เป็นน้ำหรือพลังงานสะอาด (The unique innovation and technology of Carrier Gas Attraction) และองค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้งานโปรแกรมเชื่อมต่อระบบสารสนเทศของโรงพยาบาล และโปรแกรมรวบรวมสถิติในห้องปฏิบัติการเพื่อนำมาวิเคราะห์และกำหนดกลยุทธ์การทำงาน เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตในเดือนก.ย. ได้แก่
1.ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 13 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 114 ล้านบาท อาทิ บริการให้ใช้สิทธิ์และให้ใช้ช่วงสิทธิ์ในซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกระบวนการทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาล สถานพยาบาล ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ บริการให้ใช้พื้นที่บนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อการโฆษณา บริการจองบัตรโดยสารรถโดยสารประจำทาง รถเช่า เรือโดยสารและสายการบิน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
2.ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ จำนวน 9 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น มีเงินลงทุนประมาณ 119 ล้านบาท อาทิ การทำกิจการบริการทางบัญชีและกฎหมายแก่บริษัทในเครือ ในกลุ่ม บริการสำรวจและวิเคราะห์ตลาด รวมทั้งประสานงานด้านการสั่งซื้อและส่งมอบสินค้า บริการติดต่อ ประสานงานเพื่อการจำหน่ายสินค้าและการจัดส่งสินค้าที่ชำรุด (claim) แก่ผู้ซื้อ ในต่างประเทศ และบริการให้ใช้สิทธิ์และให้ใช้ช่วงสิทธิ์ในงานออกแบบสินค้า และซอฟต์แวร์ เป็นต้น
3.ธุรกิจนายหน้าค้าส่งสินค้า จำนวน 4 ราย เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอิตาลี มีเงินลงทุนจำนวน 156 ล้านบาท ได้แก่ การทำกิจการตัวแทนในการจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องจักรบรรจุสินค้า (Packaging Machinery) และ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับระบบบรรจุสินค้า ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ผลิตโดยบริษัทในเครือต่างประเทศ การค้าส่งสินค้าประเภทโพลิออลและเมทิลีนไดฟีนิลไดไอโซไซยาเนต สำหรับใช้เป็นส่วนประกอบของสารโพลียูรีเทนให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม การค้าส่งสิ่งปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติสำหรับอาหาร ที่ผลิตโดยบริษัทในเครือในต่างประเทศ ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
4.ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน จำนวน 3 ราย เป็นนักลงทุนจาก สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และเยอรมัน มีเงินลงทุนจำนวน 170 ล้านบาท ได้แก่ บริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งก่อสร้าง ประกอบ ติดตั้ง และทดสอบการทำงานของระบบ และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง สำหรับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐาน ยูโร 5 (Ultra Clean Fuel (UCF) Diesel EURO V) บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ และการให้คำปรึกษาแนะนำทางเทคนิค รวมทั้งให้เช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการบริการระบบบำบัดน้ำเสียแบบครบวงจร บริการควบคุมการติดตั้ง ทดสอบการทำงานและควบคุมการเดินเครื่องของเครื่องจักรที่ใช้สำหรับปั่นเส้นใย (PET Staple Fiber Spinning Lines) และเครื่องจักรที่ใช้สำหรับดึงเส้นใย (PET Staple Fiber Drawing Lines) ในสายการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์ รวมถึงการซ่อมแซมเครื่องจักรดังกล่าวในช่วงรับประกันผลงาน
ทั้งนี้ในเดือนก.ย. ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่ เป็นธุรกิจที่ให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไป รองลงมาเป็นธุรกิจการให้บริการแก่บริษัทในเครือ ในกลุ่ม ธุรกิจนายหน้าค้าส่งสินค้า และธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่เป็นการประกอบธุรกิจเพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักที่ทำอยู่แล้ว ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก จำนวน 20 ราย คิดเป็น 69% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาตทั้งหมดของเดือนนี้
“ภาพรวม 9 เดือน ตั้งแต่ม.ค. – ก.ย. 2564 รวม 9 เดือน มีนักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตให้เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วจำนวน 161 ราย รวมเงินลงทุน 9,943 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ “นายสินิต ย์กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจที่เข้ามาลงทุน ประกอบด้วย
1.ธุรกิจบริการเป็นที่ปรึกษา บริหารจัดการ และให้บริการเดินรถและซ่อมแซมบำรุงรักษารถไฟความเร็วสูง ภายใต้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินในประเทศไทย
2.ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม วางระบบและทดสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโครงการ
3.ศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าอัจฉริยะระหว่างประเทศ ธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านประกันภัย
4.บริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center: IBC) ให้กับบริษัทในเครือในต่างประเทศ 5. บริการให้ใช้สิทธิ์และให้ใช้ช่วงสิทธิ์ในซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกระบวนการทางการแพทย์ เป็นต้น