สถานการณ์โควิด-19 ในเดือนก.ย. เริ่มมีทิศทางทรงตัวส่งผลให้มีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มการระบาดบางส่วน เช่น ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารที่เริ่มกลับมาเปิดทำการได้ ส่งผลให้ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) ในเดือนก.ย. ปรับตัวเพิมขึ้นอยู่ที่ 36.6 จาก 33.0 ในเดือนส.ค.
ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 38.4 จาก 35.5 ในเดือนส.ค.
โดยครัวเรือนมีมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงาน อย่างไรก็ตามดัชนียังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากครัวเรือนบางส่วนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ไม่รวมภาระหนี้รวมถึงราคาพลังงาน ค่าสาธารณูปโภค และบริการพื้นฐานในชีวิตประจำวัน
ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์การได้รับวัคซีนมีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี การส่งมอบและการจัดหาวัคซีนเป็นไปตามแผนการของภาครัฐ แม้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนจะยังมีการกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่เสี่ยง แต่เริ่มมีการจัดสรรไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มขึ้น
โดยล่าสุดอัตราการฉีดวัคซีนของไทยเข็มแรกครอบคลุม 53.0% และเข็มที่สองครอบคลุม 35.4% ของจำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อที่เริ่มทรงตัว และอัตราการฉีดวัคซีนที่คืบหน้า ส่งผลให้ภาครัฐอนุมัติมาตรการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้สำรวจเพิ่มเติมถึงโครงการท่องเที่ยวของภาครัฐดังกล่าว ว่าจะสามารถช่วยจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4 ของปีเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ ผลสำรวจระบุว่า โครงการภาครัฐฯ ช่วยจูงใจให้ครัวเรือนในกรุงเทพฯ ออกไปท่องเที่ยวได้ 30.7% โดยส่วนมากวางแผนท่องเที่ยวในเดือนธ.ค.
แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภาครัฐได้ออกมาประกาศเปิดประเทศโดยมีเป้าหมายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว (สำหรับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ) ในเดือนพ.ย.64 รวมถึงจะมีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในประเทศต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ในระยะข้างหน้าภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังมีความเปราะบาง โดยมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากสถานการณ์น้ำท่วมที่สถานการณ์ยังไม่สิ้นสุด ราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่ความไม่แน่นอนของการระบาดโควิด-19 ยังคงมีอยู่ ภาครัฐจึงควรช่วยเร่งสร้างความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วน เช่น มาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน เป็นต้น
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย