13 ตุลาคม 2564 ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่าเพิ่มสูงขึ้น บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำและริมน้ำต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม คาดว่าจะไม่เกิดผลกระทบ เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก น้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำป่าสัก วันนี้ (13 ต.ค. 64) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับลดการระบายน้ำลดลงเหลือเพียง 50 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำของแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อน ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ดังนี้
ด้านแม่น้ำลพบุรี ระดับน้ำในแม่น้ำ ที่ อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงทรงตัว
สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ลดลงทุกสถานีเช่นกัน
ส่วนสถานการณ์คลองชัยนาท-ป่าสัก ที่ ต.พุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของทุ่งฝั่งซ้าย ระดับน้ำลดลงกว่า 1.30 เมตร สามารถใช้เส้นทางสัญจรภายในหมู่บ้านได้แล้ว ขณะที่ อ.เมือง จ.ลพบุรี กรมชลประทาน ยังคงเร่งระบายน้ำลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศ ที่จะทำให้มีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "คมปาซุ" และติดตามสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา