เอกชนเชียงใหม่ขานรับนายกรัฐมนตรีเปิดประเทศ1พ.ย.64

          นายธนิต ชุมแสง นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ กล่าวว่า   สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีประเทศให้เปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในวันที่ 1พ.ย.2564  และอนุญาตให้ร้านอาหารสามารถจำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 นั้น ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ  นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วว่า ต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนได้ลืมตาอ้าปากใชัชีวิตอยู่กับโควิดให้เป็น เพราะโควิดมันไม่หายไปจากโลกในเร็ววันนี้ ต้องอยู่กับเราทุกคนอีกหลายปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงปากท้องของประชาชน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เศรษฐกิจมันแย่ลง มันตายไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่เปิดในเดือนธันวาคมนี้ ทุกอย่างก็อาจจะฟื้นเลยก็ได้ 

           ที่ผ่านมา สมาคมฯได้ผลักดันให้ร้านอาหารได้เข้าสู่ระบบมาตรฐานของSHA และSHA PLUS ซึ่งถือว่าจังหวัดเชียงใหม่ครองแชมป์อันดับ 3 ที่พยายามยกระดับให้กิจการ พนักงาน และลูกค้าได้รับควาามปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  นักท่องเที่ยทั้งคนไทย และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ต่างมีความคาดหวังในการหารับประทานอาหารที่อร่อย และดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งผู้ประกอบการมองว่าต้องตอบโจทย์ให้ได้ ซึ่งการจะเปิดขายแอลกอฮอล์ในร้านอาหารนั้น เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ อีกทั้งลูกค้าที่เข้ามา ต้องผ่านการคัดกรอง และมีระยะเวลาในการให้บริการ ขณะที่สถานประกอบการ และพนักงานเอง ก็ต้องปฎิบัติตามระเบียบของการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ซึ่งรูปแบบของการให้บริการต้องอยู่ภายใต้การควบคุมไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ดีกว่าปล่อยให้ไปดื่มที่บ้าน หรือบาร์ลับที่เหนือการควบคุม” นายธนิต กล่าว

         "ตอนนี้ทางผู้ประกอบการร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยในพื้นที่อำเภอเมือง มีการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ และพนักงานเกือบจะร้อยละ 80 ขณะที่ในพื้นที่ 3 อำเภอนำร่องในโครงการชาร์มมิ่งเชียงใหม่นั้น ก็ใกล้จะถึงเป้าหมายร้อยละ 70 แล้ว อีกทั้งร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่ยังมีการลงทุนจัดซื้อชุดตรวจATK มาตรวจพนักงานทุกๆ 3 วัน ในชุดละเกือบ 100 บาท เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งอยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุน เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด"นายธนิต กล่าว 

         นายพัลลภ แซ่จิว  ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในแง่จิตวิทยาเป็นการส่งสัญญานเชิงบวกที่จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่มีความหวัง เพราะที่ผ่านมา รายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่การขับเคลื่อนให้เข้ามาท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยนั้น เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมาจัดระบบให้ดี คนมาเที่ยวมีความปลอดภัย คนที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวก็ต้องปลอดภัยเช่นกัน

        การเปิดเมืองในครั้งนี้ มันเป็นโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งต่อไปคำว่าวิศวกรรมสุขภาพ มันต้องถูกออกแบบขึ้นมา เพื่อให้ทั้งการรับมือการควบคุมโควิด สามารถอยู่บนการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจได้ อีกทั้งการนำกฎหมายของสาธารณสุขมาบังคับใช้กับสถานประกอบการต่างๆ ให้ได้มาตรฐานนั้น ยังถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะต่อไปในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะต้องมีธุรกิจที่ต้องยกการ์ดสูง มีเกณฑ์วัดมาตรฐาน ซึ่งจะทำให้ทั้งธุรกิจ และการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดนั้นอยู่ร่วมกันได้

           นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ให้การสนับสนุนการเปิดประเทศตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ หลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไปไม่ต่ำกว่า 60,000-70,000 ล้านบาท แต่อยากเสนอให้รัฐบาลจัดทำแผนสำรองไว้ กรณีหากว่ามีการแพร่ระบาดหนัก หรือเกิดคลัสเตอร์ขนาดใหญ่

           รัฐบาลต้องมีความชัดเจน ในการทำแผนป้องกันการแพร่ระบาด จะต้องมีทีมงาน และบุคลากรที่พร้อมจะเข้าไปควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที  ประชาชนที่พบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 จะต้องเข้าถึงในการรักษาพยายาบาลที่สะดวกรวดเร็ว รวมถึงการดูแลนักท่องเที่ยวที่ได้รับการติดเชื้อนั้น จะมีมาตรการในการดูแลอย่างไร และก็อยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านระบบสาธารณูปโภค เพื่อที่จะลดต้นทุน อย่างน้อยก็จะทำให้มีรายได้ไปจ้างงานให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่

           สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ มองว่ารายได้มากจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก และสามารถที่จะวางแผนรูปแบบการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ได้ อย่างเช่น การเปิดตลาดกลอฟ์ เมื่อเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศก็สามารถเข้ามาได้ โดยอาจจะเป็นรูปแบบบับเบิ้ลแอนด์ซีล โดยเตรียมความพร้อมให้บุคลากรได้รับการฉีควัคซีนให้ครบ นักท่องเที่ยวที่มาก็ต้องได้รับวัคซีนครบโดส มีการจัดกิจกรรมให้กับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ ซึ่งทุกอย่างต้องเรียนรู้ และนำมาถอดบทเรียน เพราะเราต้องอยู่กับโควิดอีกนาน 

       “ตอนนี้ต้องรณรงค์ให้ประชาชนรับการฉีดวัคซีน และภาครัฐก็ต้องจัดสรรมาให้เพียงพอ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งการเปิดประเทศนั้น ถือว่าเป็นข่าวดี แต่ถ้าถามว่าเปิดประเทศแล้วจะฟื้นเศรษฐกิจได้หรือไม่นั้น อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยในไตรมาสที่ 2 ถึงจะพอประเมินได้ และสิ่งที่ต้องไม่ประมาทคือ การแพร่ระบาดเวฟที่ 5 หากว่าทุกคนการ์ดตกก็จะมีความน่าเป็นห่วง ”นายจุลนิตย์ กล่าว