นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ผ่อนคลายสถานประกอบกิจการต่างๆ นั้น แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จึงคงต้องปฏิบัติภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการขอความร่วมมือพ่อค้าแม่ค้า ผู้ขาย พนักงานบริการในร้านอาหาร และพนักงานส่งอาหาร ได้คัดกรองความเสี่ยงด้วยชุดตรวจ ATK ทุก 7 วัน
โดยขณะนี้ กรมอนามัยได้สนับสนุนชุดตรวจ ATK จำนวน 250,000 ชุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ผู้ประกอบกิจการร้านอาหารทั่วประเทศผ่านศูนย์อนามัย ได้แก่
หลักเกณฑ์ในการตรวจ ATK ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้
1. ตลาด ต้องเป็นตลาดค้าส่งและตลาดขนาดใหญ่ ที่มีการแพร่ระบาด และมีความเสี่ยงสูง ให้สุ่มตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 10 เปอร์เซ็นต์ ผู้มีประวัติพบผู้ติดเชื้อ ผู้ใกล้ชิดหรือสัมผัสผู้ป่วย และผู้ที่มีลักษณะการพักอาศัยที่มีจำนวนคนมาก พักรวมกัน หรือมีความเสี่ยง ซึ่งหน่วยบริการสามารถปรับจำนวนได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
2. ร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านที่ซื้อวัตถุดิบจากตลาดที่มีประวัติพบผู้ติดเชื้อ ร้านที่พบผู้ติดเชื้อ และ/หรือ ร้านที่พนักงานยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19
3.แผงลอย เน้นที่มีการซื้อวัตถุดิบจากตลาดที่มีประวัติพบผู้ติดเชื้อหรือมีการสุ่มตรวจ ATK มีการจำหน่ายอาหารในบริเวณเขตพื้นที่ได้รับอนุญาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือมีปัจจัยเสี่ยงบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเป็นโควิด-19 หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 และ
4. เดลิเวอรี่ ต้องเป็นพนักงานที่ปฏิบัติงานในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน มีปัจจัยเสี่ยงบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคโควิด-19 และอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19
สถานประกอบกิจการด้านอาหาร ต้องคุมเข้มในการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ควบคู่กันไป เพื่อป้องกันการติด และแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วยหลักปฏิบัติ 10 ข้อสำคัญ ดังนี้