svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ครม.อนุมัติ 1.3 พันล้าน เงินเยียวยาเด็กเล็กคนละ 2,000 บาท ครอบคลุม 6.6 แสนคน

05 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง ครม.อนุมัติ 1.3 พันล้าน แจกเงินเยียวยาเด็กเล็กคนละ 2,000 ครอบคลุม 6.6 แสนคน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 18,540 แห่ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติกรอบวงเงิน 1,320 ล้านบาท ภายใต้พ.ร.ก.เงินกู้ฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อใช้ในโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับการช่วยเหลือเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 660,318 คน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 18,540 แห่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ


ครม.อนุมัติ 1.3 พันล้าน เงินเยียวยาเด็กเล็กคนละ 2,000 บาท ครอบคลุม 6.6 แสนคน

โดยจ่ายเป็นเงินเยียวยา ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของผู้ปกครองในสถานการณ์โควิด-19 รายละ 2,000 บาท ซึ่งจะทำให้กลุ่มเป้าหมายของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเป็น 1,389,722 คน (จากเดิมที่ไม่ครอบคลุมเด็กเล็ก) และกรอบวงเงินโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 2,779 ล้านบาท

 

 

 

การขยายกลุ่มเป้าหมายครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาภาระและผลกระทบทางด้านค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบทางด้านรายได้ และช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กเล็กให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดส่งรายชื่อให้กระทรวงศึกษาธิการ ตรวจความซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายโครงการ และจัดทำฐานข้อมูลรายชื่อและจำนวนนักเรียนในแต่ละระดับให้เป็นปัจจุบัน

 

 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ หลักการโครงการจ้างแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น เพื่อรองรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงินรวม 4,335 ล้านบาท เพื่อเพิ่มบุคลากรในการดูแลรักษาผู้ป่วยของหน่วยบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ และรองรับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยโควิด19 และประชาชนชนทั่วไป

 

ครม.อนุมัติ 1.3 พันล้าน เงินเยียวยาเด็กเล็กคนละ 2,000 บาท ครอบคลุม 6.6 แสนคน

อีกทั้ง ยังสามารถแบ่งเบาภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข พิจารณากำหนดจำนวนกรอบอัตรากำลังที่จะจ้างงานภายใต้โครงการฯ ให้เป็นไปตามความเหมาะสมจำเป็นและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่

logoline