svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บิ๊กตู่"มั่นใจน้ำไม่ท่วมสูงเท่าปี 54 กำชับเตรียมแผนรับมือ

30 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ประยุทธ์" ยัน น้ำไม่ท่วมสูงเท่าปี 54 กำชับเตรียมแผนรับมือพร้อมมาตรการเยียวยา รับห่วงภาคกลาง-พื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ลั่น "ผมจะอยู่เพื่อทำงานตรงนี้" ขออย่าทำอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์

30 กันยายน 2564 ที่เทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ขึ้นเรือตรวจการณ์ เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำและการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วม โดยนายกฯ ได้สอบถามการเตรียมแผนรับน้ำท่วมหากมีฝนหรือพายุเข้ามา พร้อมกำชับต้องทำให้ประชาชนรับรู้รับทราบว่าแต่ละจังหวัดหรือแต่ละพื้นที่ได้รับผลกระทบตรงไหน น้ำมาจากไหนและใครจะเดือดร้อนได้รับผลกระทบบ้าง และกำชับมาตรการเฉพาะและเตรียมมาตรการเยียวยาตามระดับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัว เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยได้เตรียมตัวแต่ซึ่งจะไปโทษไม่ได้ จึงต้องไปพูดบ่อยๆให้ประชาชนได้เข้าใจ


พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ต้องเตรียมแผนในพื้นที่ทั้งในและนอกพนังกั้นน้ำที่จะได้รับผลกระทบ โดยแยกพื้นที่ว่าเดือดร้อนมากหรือเดือดร้อนน้อย เพื่อดูแลตามมาตรการต่างๆ อย่างไรก็ตามวันนี้เรามีกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นหน่วยงานบูรณาการอยู่แล้ว โดยจะจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน เพื่อจัดสรรงบประมาณทยอยให้

 

"บิ๊กตู่"มั่นใจน้ำไม่ท่วมสูงเท่าปี 54  กำชับเตรียมแผนรับมือ

 


พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีความกังวลและห่วงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ เพราะประเทศไทยอยู่ในฤดูมรสุมและมีพายุเตี้ยนหมู่เข้ามา ขณะเดียวกันต้องติดตามสถานการณ์โลกด้วยว่าจะเตรียมการรับความพร้อมตรงนี้อย่างไร ซึ่งธรรมชาติเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่ย้ำเสมอว่าวันนี้โลกร้องเตือนมาแล้วให้เราดูแลถ้าไม่ดูแลก็จะเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆเข้ามา ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้งหรืออุทกภัยต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคนไทยต้องเตรียมตัวเตรียมความพร้อมว่าจะอยู่กับธรรมชาติยุคนี้ได้อย่างไร ดังนั้นตัวเองต้องเตรียมการไว้ก่อน ขณะที่รัฐบาลก็พร้อมดูแล 


พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นห่วงพื้นที่ภาคกลางและโดยเฉพาะพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ แต่ได้รับคำชี้แจงจากกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าได้มีการระบายน้ำตัดยอดน้ำที่มาจากภาคเหนือตอนล่างนำออกสู่ทะเลให้เร็วขึ้น แต่ช่วงนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย จึงขอให้ติดตามกรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งนี้คิดว่าระบบที่เราเตรียมความพร้อมมาหลายปีที่ผ่านมามีความพร้อม แต่อาจยังไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จึงต้องเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดการทำโครงการต่างๆต้องผ่านประชามติและผ่านความเห็นชอบของประชาชน ถ้าไม่ผ่านทำไม่ได้ติดปัญหาที่ประชาชนยังไม่เห็นชอบร่วมกัน เพราะอาจมีคนเดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน ขอเพียงความร่วมมือ เพราะนายกฯ บังคับใครไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

 

"บิ๊กตู่"มั่นใจน้ำไม่ท่วมสูงเท่าปี 54  กำชับเตรียมแผนรับมือ


พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันขอให้ช่วยกันกำจัดผักตบชวากำจัดขยะ เพราะบางอย่างเกิดขึ้นบนฝั่งกระจายลงมาสู่แม่น้ำลำคลองบ้านใครบ้านมันช่วยกันเก็บช่วยกันทำประโยชน์ นั่นคือหน้าที่ที่ต้องไปด้วยกันภาครัฐ ภาคประชาชน ประชาสังคม ธุรกิจเอกชน ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อพลิกโฉมไปให้ได้

 


นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสั่งเสมอและในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงห่วง และรับสั่งกับตนเสมอเวลาเข้าเฝ้าฯ ว่าต้องดูแลประชาชนให้มีความสุขและให้ปลอดภัย ให้ประเทศชาติยั่งยืนและเดินไปข้างหน้าให้มีเสถียรภาพ ดังนั้นเราจำเป็นต้องนำเรื่องเหล่านี้มาปฏิบัติ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาให้ได้


นายกฯ กล่าวต่อว่า ขอบคุณผู้ว่าฯ นายกเทศมนตรีและทุกคน ซึ่งคนในพื้นที่ย่อมรู้ปัญหาดีอยู่แล้ว วันนี้การเดินหน้าประเทศต้องปรับรูปแบบทั้งหมด เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยของเรา ทั้งเรื่องน้ำท่วม การแก้ปัญหาความยากจน การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หรือเรื่องอื่นๆเยอะแยะไปหมด ยืนยันรัฐบาลจะทำเต็มที่ 

 

"บิ๊กตู่"มั่นใจน้ำไม่ท่วมสูงเท่าปี 54  กำชับเตรียมแผนรับมือ


"สิ่งที่อยากฝากประชาชนไว้ว่า ผมจะอยู่เพื่ออย่างนี้ เพื่อจะทำงานตรงนี้ก็สุดแล้วแต่จะว่ายังไงกันไป ซึ่งวันนี้ไม่ได้ดูเฉพาะเรื่องที่จะมา แต่ดูทุกอย่าง ดูตั้งแต่หน้าตาประชาชนว่ามีความสุขไหม ดูขยะ ดูผักตบชวา ดูชีวิตความเป็นอยู่ ดูสีสันของบ้านของเมือง นี่แหละศักยภาพเราอยู่แล้ว มันต้องหาศักยภาพตรงนี้ให้เจอแล้วเอาสิ่งที่เป็นจุดขายประเทศไทย ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น มันไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้นไป ทำอะไรก็แล้วแต่เวลานี้"นายกฯ กล่าว


พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ขอเปรียบเทียบดูเรื่อง โควิดที่เราบริหารจัดการได้ดีกว่าหลายประเทศที่ยังมีปัญหา เรามีคน คนของเราตั้งกว่า 70 ล้านคนโดยประมาณ ทั้งคนไทยและคนที่มาทำงาน แต่เราฉีดวัคซีนได้เกือบครบแล้ว ในขณะที่ทุกวันนี้บางประเทศยังไม่ครบเลย ซึ่งเป็นประเทศรวยๆด้วยซ้ำไปที่กำลังแพร่ระบาดเยอะแยะไปหมด ดังนั้นสิ่งดีๆ ต้องหาให้เจอ อย่าไปจับผิดกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพราะยังไงมันก็เจอ เพราะยังไม่เสร็จ 


พลเอกประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้วันนี้ปัญหาหลายอย่างถึงต้องมีปรับแก้กฎหมาย ซึ่งกฎหมายก็ต้องเข้าสภา ดังนั้นฝากฝ่ายนิติบัญญัติช่วยเร่งรัดกฎหมายเหล่านี้ด้วย ทั้งกฎหมายใหม่และกฎหมายไม่ทันสมัยที่ต้องปรับแก้ ดังนั้นอย่ามัวแต่ไปเอากฎหมายอื่นๆที่มีความสำคัญน้อยกว่าเข้าไปพิจารณา เพื่อจะได้แก้ปัญหาประเทศได้โดยเร็ว ซึ่งต้องทำงานด้วยกันบริหารและนิติบัญญัติ


จากนั้นเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรี แวะที่ท่าเรือพิบูลย์สงคราม 4 เพื่อเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่เดือดร้อน นายกฯ กล่าวว่า "รัฐบาลจะพยายามดูแลความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด รักทุกคนนะจ๊ะ" อีกทั้งมีชาวบ้านตะโกนว่า "ลุงตู่สู้ๆ สู้ตาย" นายกฯ จึงกล่าวตอบว่า"อย่าตายสิ" 


นอกจากนี้มียังมีชาวบ้านกล่าวว่า ใครให้ลาออกไม่ต้องออก ให้นายกฯ สู้หัวทะลุฝาไปเลย ทำให้นายกฯ กล่าวตอบว่า"เหรอ จ๊ะ ไม่กลัวหัวแตกเหรอ โอ้โหว นี่ดุเดือดดีนะ" ชาวบ้านจึงกล่าวว่า เห็นนายกฯโดนมาเยอะ นายกฯ กล่าวว่า"เราต้องชิน ต้องดูแลคนไทย ให้เวลาเราหน่อย เราจะทำทุกอย่างที่ทำมาแล้วให้เสร็จ"


ทั้งนี้ระหว่างพบประชาชนนายกฯ กล่าวว่า"ความรักความห่วงใยนายกฯ ลอยไปกับอากาศให้คนทั้งประเทศ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง"พร้อมเอามือตบที่หน้าอก จากนั้นมีชาวบ้านบอกว่า ปี 54 น้ำท่วมสูงถึงคอ นายกฯ จึงกล่าวว่า "ปีนี้ไม่ถึงหรอก เราพยายามทำเต็มที่และเราทำเพิ่มเติมมามากจากช่วงนั้น"

 

"บิ๊กตู่"มั่นใจน้ำไม่ท่วมสูงเท่าปี 54  กำชับเตรียมแผนรับมือ


จากนั้นเวลา 15.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ชุมชนตลาดขวัญ นายกฯ ตรวจเยี่ยมการบูรณะศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ก่อนเดินทางกลับ


ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ พร้อมคณะ ได้เปลี่ยนจุดขึ้นเรือจากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะนั่งเรือมาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับที่ท่าน้ำนนทบุรี แต่ปรากฎว่าระหว่างที่ล่องเรือเพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่นั้น ก็เป็นขณะเดียวกับที่กลุ่มต่อต้าน พลเอกประยุทธ์ ได้ทยอยรวมตัวกันจำนวนมากที่บริเวณท่าน้ำนนท์ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและส่วนล่วงหน้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ร่วมกันประเมินโดยมีการแจ้งไปทางเรือของนายกรัฐมนตรี เพื่อประสานกับทีมรักษาความปลอดภัยให้เปลี่ยนจุดขึ้นเรือให้กับนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เพื่อหลีกเลี่ยงแรงปะทะ จึงเปลี่ยนมาขึ้นเรือที่หน้าอาคารหนึ่งรัฐสภาแห่งใหม่แทน


 

logoline