ผู้ว่าฯกทม. เปรียบเทียบปริมาณน้ำ มั่นใจ "ปีนี้ไม่เหมือนปี54"

ผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.อ. อัศวิน  ขวัญเมือง โพสต์ข้อความ เพื่ออธิบายความเสี่ยงน้ำท่วมใน กทม. โดยบอกว่า กทม. ตั้งอยู่ตอนปลายของแม่น้ำเจ้าพระยา  เป็นที่รวมของแม่น้ำหลายสายมารวมกัน ในช่วงหน้าฝน   เมื่อเกิดฝนตกสะสมทางตอนบนของประเทศ ปริมาณน้ำที่ไหลมาตามแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน จะเพิ่มมากขึ้น ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีปริมาณน้ำเป็นจำนวนมากทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น  แต่ปริมาณน้ำจะถูกควบคุมการระบายน้ำโดยเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท หากปริมาณน้ำเหนือเขื่อนมีมาก การระบายน้ำก็จะเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี น้ำจะไหลมารวมกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.อยุธยา โดยมีเขื่อนพระราม 6 ควบคุมการระบายน้ำ

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเขื่อนทั้ง 2 แห่งมีการระบายน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน กทม. หลายคนกังวลจะเกิดน้ำท่วม กทม. เหมือนปี 2554  แต่ปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในปี 2554 นั้น เกิดจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุที่เข้ามาในประเทศไทยหลายลูก  ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักสูงกว่าในตอนนี้มาก

ผู้ว่าฯ กทม. บอกว่า เมื่อน้ำท่วมปี 2554 กทม.ได้เสริมคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้สูงขึ้น เพื่อรองรับปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น  แต่ยังมีจุดที่เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ได้ ที่เป็นชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ

"ขณะนี้ กทม.ได้วางกระสอบทรายเป็นคันกั้นน้ำ และเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมแล้ว แต่ก็เชื่อมั่นว่า สถานการณ์น้ำใน กทม.ปีนี้ จะไม่ซ้ำรอย ปี 2554 "

“เมื่อเทียบปริมาณน้ำในปีนี้  ใกล้เคียงกับปี 2563 ซึ่งใน กทม.ก็ไม่มีน้ำท่วมตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา”

แต่ก็ให้มั่นใจ กับ คน กทม. ว่า “เวลานี้ กทม.ได้วางกระสอบทรายเป็นคันกั้นน้ำ และเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้พร้อม  รับมือปริมาณน้ำให้แม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีสถานีวัดระดับน้ำตลอดแนวแม่น้ำ เพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอด 24 ชั่วโมง หากเพิ่มสูงขึ้นจนมีความเสี่ยง กทม.จะแจ้งให้ประชาชนที่อยู่ในจุดเสี่ยงทันที ครับ”

#แก้ปัญหาน้ำท่วมกทม